สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกขึ้นเมื่อคืนนี้ (17 พ.ค.) โดยได้แรงหนุนจากความหวังที่ว่า ความต้องการใช้น้ำมันในตลาดจะฟื้นตัวขึ้นหลังจากหลายประเทศในยุโรปเริ่มเปิดเศรษฐกิจ นอกจากนี้ การอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ยังเป็นปัจจัยดึงดูดแรงซื้อสัญญาน้ำมันดิบ
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้น 90 เซนต์ หรือ 1.4% ปิดที่ 66.27 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 23 เม.ย. 2562
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 75 เซนต์ หรือ 1.1% ปิดที่ 69.46 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบ WTI พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 2 ปีเมื่อคืนนี้ ขานรับข่าวอังกฤษกลับมาเปิดเศรษฐกิจอีกครั้งเมื่อวานนี้ หลังจากที่ล็อกดาวน์เป็นเวลานานถึง 4 เดือน โดยขณะนี้ชาวอังกฤษกว่า 65 ล้านคนสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติบนพื้นฐานของความระมัดระวัง โดยสามารถรวมตัวกันทำกิจกรรมกลางแจ้งได้สูงสุด 30 คน ส่วนร้านกาแฟ บาร์ และร้านอาหารจะเปิดให้บริการรับประทานภายในร้าน
นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ได้แนะนำให้ประชาชนยังต้องระมัดระวังตนเองอยู่เสมอ เนื่องจากพบการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์อินเดีย ซึ่งอาจส่งผลให้การเปิดเศรษฐกิจอย่างเต็มรูปแบบในเดือนมิ.ย.ต้องล่าช้าออกไป
ขณะเดียวกันรายงานระบุว่า ฝรั่งเศส สเปน โปรตุเกส และเนเธอร์แลนด์ได้ประกาศผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ ซึ่งเป็นปัจจัยที่ช่วยหนุนราคาน้ำมันเช่นกัน
นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้รับปัจจัยหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ โดยดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.17% สู่ระดับ 90.1661 เมื่อคืนนี้
ทั้งนี้ ดอลลาร์ที่อ่อนค่าจะทำให้สัญญาน้ำมันดิบซึ่งกำหนดราคาเป็นสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐนั้น มีราคาที่น่าดึงดูดสำหรับนักลงทุนที่ถือเงินสกุลอื่น