สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกขึ้นเมื่อคืนนี้ (21 พ.ค.) โดยได้แรงหนุนจากความเป็นไปได้ที่ว่าพายุจะก่อตัวในอ่าวเม็กซิโก ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อการผลิตน้ำมันของสหรัฐ แต่ราคาน้ำมันยังคงปรับตัวลงในรอบสัปดาห์นี้ โดยถูกกดดันจากสัญญาณความคืบหน้าในการรื้อฟื้นข้อตกลงนิวเคลียร์กับอิหร่าน ซึ่งอาจทำให้ปริมาณน้ำมันเพิ่มขึ้นในตลาดโลก
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 1.64 ดอลลาร์ หรือ 2.7% ปิดที่ 63.58 ดอลลาร์/บาร์เรล แต่ในรอบสัปดาห์นี้ ลดลง 2.7%
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 1.33 ดอลลาร์ หรือ 2% ปิดที่ 66.44 ดอลลาร์/บาร์เรล แต่ในรอบสัปดาห์นี้ ลดลง 3.3%
ตลาดน้ำมันได้แรงหนุน หลังศูนย์เฮอริเคนแห่งชาติของสหรัฐคาดว่า อาจจะเกิดพายุดีเปรสชันหรือพายุโซนร้อนในอ่าวเม็กซิโก ซึ่งจะกระทบการผลิตน้ำมันของสหรัฐ
ตลาดน้ำมันนิวยอร์กปรับตัวขึ้น แม้เบเกอร์ ฮิวจ์ซึ่งเป็นผู้ให้บริการขุดเจาะน้ำมันของสหรัฐเปิดเผยในวันศุกร์ว่า จำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันที่มีการใช้งานในสหรัฐนั้น เพิ่มขึ้น 4 แท่น สู่ระดับ 356 แท่นในสัปดาห์นี้ ซึ่งบ่งชี้แนวโน้มการผลิตน้ำมันที่เพิ่มขึ้นในสหรัฐ
อย่างไรก็ตาม ตลาดน้ำมันยังถูกกดดันจากความคืบหน้าในการทำข้อตกลงนิวเคลียร์กับอิหร่าน ซึ่งอาจจะทำให้มีปริมาณน้ำมันจากอิหร่านไหลเข้าสู่ตลาดโลกมากขึ้น
แหล่งข่าวทางการทูตเปิดเผยว่า การเจรจาระหว่างสหรัฐและอิหร่านเกี่ยวกับการยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรต่ออิหร่านมีความคืบหน้าเป็นอย่างมาก โดยเจ้าหน้าที่จากสหภาพยุโรป (EU) สหรัฐ และอิหร่านได้เจรจากันเกี่ยวกับข้อตกลงนิวเคลียร์ปี 2558 ซึ่งเป็นข้อตกลงที่รัฐบาลของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้ถอนตัวไปก่อนหน้านี้