สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (26 พ.ค.) ขานรับตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบและน้ำมันเบนซินของสหรัฐที่ปรับตัวลดลงมากกว่าคาด ซึ่งช่วยให้นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานน้ำมันที่สูงขึ้นในตลาด
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 14 เซนต์ หรือ 0.2% ปิดที่ 66.21 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 22 เซนต์ หรือ 0.3% ปิดที่ 68.87 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบดีดตัวขึ้นหลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลง 1.7 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 21 พ.ค. ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 1.05 ล้านบาร์เรล
ข้อมูลสต็อกน้ำมันดิบของ EIA สอดคล้องกับรายงานของสถาบันปิโตรเลียมอเมริกา (API) ที่เผยก่อนหน้านี้ว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลง 439,000 บาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 21 พ.ค.
นอกจากนี้ EIA ยังเปิดเผยด้วยว่า สต็อกน้ำมันดิบที่เมืองคูชิง รัฐโอกลาโฮมา ซึ่งเป็นจุดส่งมอบสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้าของสหรัฐ ลดลง 1 ล้านบาร์เรล
ส่วนสต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 1.7 ล้านบาร์เรล ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าลดลง 700,000 บาร์เรล และสต็อกน้ำมันกลั่น ซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล ลดลง 3 ล้านบาร์เรล ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าลดลง 1.6 ล้านบาร์เรล
นักวิเคราะห์จากบริษัทไพรซ์ ฟิวเจอร์ส กรุ๊ป กล่าวว่า นักลงทุนยังคงกังวลเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่อิหร่านจะกลับมาส่งออกน้ำมันในตลาดอีกครั้ง รวมทั้งข่าวรัฐบาลจีนประกาศใช้มาตรการเพื่อสกัดความร้อนแรงของราคาสินค้าโภคภัณฑ์
คณะกรรมการการพัฒนาและปฏิรูปของจีน (NDRC) ออกแถลงการณ์ว่า รัฐบาลจีนจะใช้บทลงโทษขั้นรุนแรงต่อผู้ที่ละเมิดกฎข้อบังคับด้านการซื้อขายในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ โดยมาตรการดังกล่าวมีเป้าหมายที่จะสะกัดความร้อนแรงของราคาสินค้าโภคภัณฑ์
แถลงการณ์ของ NDRC ระบุว่า รัฐบาลจีนจะไม่อดทนต่อพฤติกรรมการปั่นราคาทั้งในตลาดสปอตและตลาดซื้อขายล่วงหน้า รวมทั้งจะลงโทษผู้ที่เผยแพร่ข่าวเท็จ, ซื้อขายเพื่อการเก็งกำไร และกักตุนสินค้า