สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 2 ปีเมื่อคืนนี้ (8 มิ.ย.) โดยได้ปัจจัยบวกจากการที่นักลงทุนคาดหวังว่า การฟื้นตัวของเศรษฐกิจทั่วโลกจะช่วยหนุนความต้องการใช้น้ำมัน ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาการเจรจาระหว่างสหรัฐและอิหร่านเกี่ยวกับข้อตกลงนิวเคลียร์ในสัปดาห์นี้ รวมทั้งรายงานสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐในวันนี้
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 82 เซนต์ หรือ 1.2% ปิดที่ 70.05 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่เดือนต.ค. 2561
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนส.ค. เพิ่มขึ้น 73 เซนต์ หรือ 1% ปิดที่ 72.22 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค. 2562
สัญญาน้ำมันดิบได้แรงหนุนหลังจากธนาคารโลกคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจโลกจะขยายตัว 5.6% ในปีนี้ สูงกว่าระดับ 4.1% ที่คาดการณ์ในเดือนม.ค.
รายงานของธนาคารโลกระบุว่า การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกในปีนี้เป็นการดีดตัวที่แข็งแกร่งที่สุดในรอบ 80 ปีจากภาวะเศรษฐกิจถดถอย โดยได้แรงหนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐ รวมทั้งการขยายตัวอย่างรวดเร็วของเศรษฐกิจจีน
นักลงทุนจับตาอิหร่านและสหรัฐรวมทั้งชาติมหาอำนาจซึ่งจะเข้าร่วมเจรจาข้อตกลงนิวเคลียร์ปี 2558 รอบที่ 5 ในวันที่ 10 มิ.ย.ที่กรุงเวียนนา โดยหากการเจรจาประสบผลสำเร็จก็อาจทำให้สหรัฐยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรต่ออิหร่าน ส่งผลให้อิหร่านสามารถกลับมาส่งออกน้ำมันอีกครั้ง
ด้านนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า หากสหรัฐยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรต่ออิหร่าน ก็จะทำให้อิหร่านสามารถผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้น 500,000-1,000,000 บาร์เรล/วัน
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ของสหรัฐ โดยสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) มีกำหนดเปิดเผยข้อมูลในวันนี้ เวลา 21.30 น.ตามเวลาไทย ขณะที่นักวิเคราะห์ในโพลสำรวจของเอสแอนด์พี โกลบอล แพลทส์ คาดการณ์ว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐจะลดลง 4.1 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 4 มิ.ย.