สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (9 มิ.ย.) หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยสต็อกน้ำมันเบนซินพุ่งขึ้นมากกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ อย่างไรก็ดี สัญญาน้ำมันดิบขยับลงเพียงเล็กน้อย เนื่องจากนักลงทุนยังคงมีมุมมองเป็นบวกต่อแนวโน้มความต้องการใช้พลังงานในสหรัฐและยุโรป
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ค. ลดลง 9 เซนต์ หรือ 0.1% ปิดที่ 69.96 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนส.ค.ปิดทรงตัวที่ 72.22 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค. 2562
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ปิดตลาดอ่อนแรงลง หลังจากรายงานของ EIA ระบุว่า สต็อกน้ำมันเบนซินพุ่งขึ้น 7 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 1 ล้านบาร์เรล ส่วนสต็อกน้ำมันกลั่น ซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล พุ่งขึ้น 4.4 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 400,000 บาร์เรล
อย่างไรก็ดี สัญญาน้ำมันดิบ WTI ขยับลงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น หลังจากข้อมูลของ EIA ระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลง 5.2 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าลดลงเพียง 4.1 ล้านบาร์เรล
นอกจากนี้ EIA คาดการณ์ว่าอุปสงค์น้ำมันในสหรัฐจะมีการขยายตัว 1.49 ล้านบาร์เรล/วันในปีนี้ เพิ่มขึ้นจากตัวเลขคาดการณ์เดิมที่ระดับ 1.39 ล้านบาร์เรล/วัน
บรรยากาศการซื้อขายในระหว่างวันยังได้รับปัจจัยหนุนจากการที่นักลงทุนมีมุมมองเป็นบวกต่อแนวโน้มการใช้พลังงานในยุโรปและสหรัฐ หลังมีรายงานว่ายุโรปได้ประกาศผ่อนคลายข้อจำกัดในการเดินทาง หลังจากที่มีการฉีดวัคซีนโควิด-19 ในวงกว้าง
ข้อมูลระบุว่า การจราจรใน 15 เมืองใหญ่ในยุโรปเริ่มมีความคับคั่งขึ้น โดยมีจำนวนรถยนต์บนท้องถนนสูงสุดนับตั้งแต่เริ่มมีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในปีที่แล้ว
นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังได้แรงหนุนจากการที่นายแอนโทนี บลินเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ กล่าวว่า แม้สหรัฐและอิหร่านจะสามารถบรรลุข้อตกลงนิวเคลียร์ แต่สหรัฐก็จะยังคงมาตรการคว่ำบาตรอิหร่านต่อไป