สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (7 ก.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับความไม่แน่นอนของนโยบายการผลิตในกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาการเปิดเผยรายงานสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐในวันนี้
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนส.ค. ร่วงลง 1.17 ดอลลาร์ หรือ 1.6% ปิดที่ 72.20 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.ย. ร่วงลง 1.10 ดอลลาร์ หรือ 1.5% ปิดที่ 73.43 ดอลลาร์/บาร์เรล
โอเปกพลัสได้ตัดสินใจเลื่อนการประชุมออกไปโดยไม่มีกำหนด เนื่องจากความขัดแย้งระหว่างซาอุดีอาระเบีย และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) โดยซาอุดีอาระเบียและรัสเซียเสนอให้เพิ่มกำลังการผลิตรวม 2 ล้านบาร์เรล/วันในช่วงที่เหลือของปีนี้ โดยให้ทยอยปรับเพิ่มเฉลี่ยเดือนละ 400,000 บาร์เรล/วันตั้งแต่เดือนส.ค.ไปจนถึงเดือนธ.ค.2564 และขยายเวลาในการปรับลดกำลังการผลิตที่เหลือไปจนถึงปลายปี 2565
อย่างไรก็ดี UAE ได้คัดค้านข้อเสนอดังกล่าว พร้อมกับเรียกร้องมีการเปลี่ยนแปลงเกณฑ์ในการกำหนดระดับการผลิตขั้นต่ำ เนื่องจาก UAE ต้องการเพิ่มกำลังการผลิตเพื่อเพิ่มรายได้จากการจำหน่ายน้ำมัน หลังจากที่ประเทศต้องเผชิญกับวิกฤตเศรษฐกิจที่รุนแรงจากการแพร่ระบาดของโควิด-19
โกลด์แมน แซคส์ระบุว่า ความล้มเหลวในการเจรจาของกลุ่มโอเปกพลัสได้สร้างความไม่แน่นอนต่อนโยบายการผลิตน้ำมัน อย่างไรก็ตาม โกลด์แมน แซคส์ยังคงคาดการณ์ว่าราคาน้ำมันดิบเบรนท์จะยังคงพุ่งแตะระดับ 80 ดอลลาร์/บาร์เรลในช่วงต้นปีหน้า
นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบของสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ในวันนี้ ขณะที่นักวิเคราะห์ในโพลสำรวจของเอสแอนด์พี โกลบอล แพลทส์คาดการณ์ว่า สต็อกน้ำมันดิบจะลดลง 6.2 ล้านบาร์เรลในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 2 ก.ค. ซึ่งจะเป็นการปรับลงติดต่อกัน 7 สัปดาห์