สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (8 ก.ค.) หลังสหรัฐเผยสต็อกน้ำมันดิบลดลงมากกว่าคาดในสัปดาห์ที่แล้ว อย่างไรก็ดี ตลาดยังคงถูกกดดันจากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับนโยบายการผลิตน้ำมันของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนส.ค. เพิ่มขึ้น 74 เซนต์ หรือ 1% ปิดที่ 72.94 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 69 เซนต์ หรือ 0.9% ปิดที่ 74.12 ดอลลาร์/บาร์เรล
สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลง 6.9 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงเพียง 4 ล้านบาร์เรล
EIA ยังเปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบที่เมืองคูชิง รัฐโอกลาโฮมา ซึ่งเป็นจุดส่งมอบสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้าของสหรัฐ ลดลง 614,000 บาร์เรล
ส่วนสต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 6.1 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าลดลง 2.2 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมันกลั่น ซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล เพิ่มขึ้น 1.6 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าเพิ่มขึ้น 171,000 บาร์เรล
นักลงทุนยังคงรอความชัดเจนเกี่ยวกับนโยบายการผลิตของกลุ่มโอเปกพลัส หลังจากที่โอเปกพลัสได้ตัดสินใจเลื่อนการประชุมออกไปโดยไม่มีกำหนด ท่ามกลางความขัดแย้งระหว่างซาอุดีอาระเบียและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE)
รายงานระบุว่า ซาอุดีอาระเบียและรัสเซียเสนอให้เพิ่มกำลังการผลิตรวม 2 ล้านบาร์เรล/วันในช่วงที่เหลือของปีนี้ โดยให้ทยอยปรับเพิ่มเฉลี่ยเดือนละ 400,000 บาร์เรล/วันตั้งแต่เดือนส.ค.ไปจนถึงเดือนธ.ค.2564 และขยายเวลาในการปรับลดกำลังการผลิตที่เหลือไปจนถึงปลายปี 2565
อย่างไรก็ดี UAE ได้คัดค้านข้อเสนอดังกล่าว พร้อมกับเรียกร้องมีการเปลี่ยนแปลงเกณฑ์ในการกำหนดระดับการผลิตขั้นต่ำ เนื่องจาก UAE ต้องการเพิ่มกำลังการผลิตเพื่อเพิ่มรายได้จากการจำหน่ายน้ำมัน หลังจากที่ประเทศต้องเผชิญกับวิกฤตเศรษฐกิจที่รุนแรงจากการแพร่ระบาดของโควิด-19