สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงหลุดจากระดับ 70 ดอลลาร์เมื่อคืนนี้ (4 ส.ค.) โดยสัญญาน้ำมันปรับตัวลงติดต่อกันเป็นวันที่ 3 หลังสหรัฐเปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งสวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากความกังวลที่ว่าการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จะส่งผลกระทบต่ออุปสงค์น้ำมัน
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย. ลดลง 2.41 ดอลลาร์ หรือ 3.4% ปิดที่ 68.15 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนต.ค. ลดลง 2.03 ดอลลาร์ หรือ 2.8% ปิดที่ 70.38 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบร่วงลง หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐเพิ่มขึ้น 3.6 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 3.1 ล้านบาร์เรล
ส่วนสต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 5.3 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าลดลง 1.8 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมันกลั่นซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล เพิ่มขึ้น 833,000 บาร์เรล ตรงข้ามกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 543,000 บาร์เรล
นอกจากนี้ นักลงทุนกังวลว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และการชะลอตัวของภาคการผลิตของสหรัฐและจีน จะส่งผลกระทบต่อความต้องการใช้น้ำมัน
สำหรับความเคลื่อนไหวด้านอื่นๆนั้น ซาอุดีอาระเบียประกาศขึ้นราคาขายน้ำมันอย่างเป็นทางการ (OSP) ในเดือนก.ย.สำหรับน้ำมันดิบทุกประเภทที่มีการจำหน่ายไปยังภูมิภาคเอเชีย
การปรับขึ้นราคา OSP ดังกล่าว เป็นการดำเนินการของซาอุดีอาระเบียเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน ส่งผลให้ราคา OSP สำหรับน้ำมันดิบ Arab Light เพิ่มขึ้น 30 เซนต์ สู่ระดับ 3 ดอลลาร์/บาร์เรล เหนือระดับราคาเฉลี่ยของ Platts Dubai และ DME Oman