สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (12 ส.ค.) หลังจากสำนักงานพลังงานสากล (IEA) ปรับลดคาดการณ์ความต้องการน้ำมันในตลาดโลกปีนี้ อันเนื่องมาจากผลกระทบของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตาที่แพร่ระบาดทั่วโลก นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากการที่สหรัฐเรียกร้องให้กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมันและชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส ผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้นเพื่อสกัดการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมัน
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย. ลดลง 16 เซนต์ หรือ 0.2% ปิดที่ 69.09 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนต.ค. ลดลง 13 เซนต์ หรือ 0.2% ปิดที่ 71.31 ดอลลาร์/บาร์เรล
IEA เปิดเผยรายงานภาวะตลาดน้ำมันประจำเดือนเมื่อวานนี้ว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตาอาจทำให้ความต้องการใช้น้ำมันทั่วโลกมีแนวโน้มชะลอตัวลงในปีนี้ โดย IEA ได้ปรับลดคาดการณ์ความต้องการน้ำมันทั่วโลกในปีนี้ลง 100,000 บาร์เรลต่อวัน
"ความต้องการใช้น้ำมันทั่วโลกในเดือนมิ.ย.พุ่งขึ้น 3.8 ล้านบาร์เรลต่อวัน โดยได้แรงหนุนจากความต้องการน้ำมันในอเมริกาเหนือและยุโรป แต่ในเดือนก.ค.ที่ผ่านมา ความต้องการใช้น้ำมันลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งทำให้เรามองว่าแนวโน้มความต้องการน้ำมันในปีนี้จะชะลอตัวลง อันเนื่องมาจากผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสสายพันธุ์เดลตา" IEA ระบุในรายงาน
นอกจากนี้ ตลาดน้ำมันยังได้รับแรงกดดันจากการที่ทำเนียบขาวเรียกร้องให้กลุ่มโอเปกพลัสผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้นเพื่อสกัดราคาน้ำมันเบนซินที่กำลังพุ่งขึ้น โดยรัฐบาลสหรัฐได้หารือกับซาอุดีอาระเบียในสัปดาห์ที่ผ่านมา รวมทั้งตัวแทนจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และสมาชิกรายอื่นของโอเปกพลัส เกี่ยวกับการเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมัน
ทำเนียบขาวระบุว่า การที่โอเปกพลัสบรรลุข้อตกลงในการเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมัน 400,000 บาร์เรล/วัน โดยเริ่มต้นในเดือนส.ค.จนถึงปี 2565 ถือว่ายังไม่เพียงพอในช่วงที่เศรษฐกิจโลกกำลังฟื้นตัว
"เรากำลังเจรจากับโอเปกพลัสเกี่ยวกับความสำคัญของการให้ตลาดที่มีการแข่งขันกันสามารถกำหนดราคาพลังงาน โดยตลาดพลังงานที่มีการแข่งขันจะช่วยรับประกันอุปทานพลังงานที่ยั่งยืนและมีเสถียรภาพ ซึ่งโอเปกพลัสจะต้องดำเนินการมากขึ้นเพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ" นายเจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐ กล่าว