สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (13 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตาจะส่งผลกระทบต่อความต้องการใช้น้ำมัน
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย. ลดลง 65 เซนต์ หรือ 0.9% ปิดที่ 68.44 ดอลลาร์/บาร์เรล แต่ปรับตัวขึ้น 0.2% ในรอบสัปดาห์นี้
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนต.ค. ลดลง 72 เซนต์ หรือ 1% ปิดที่ 70.59 ดอลลาร์/บาร์เรล และปรับตัวลง 0.2% ในรอบสัปดาห์นี้
ตลาดน้ำมันถูกกดดัน หลังสำนักงานพลังงานสากล (IEA) เตือนว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตาจะส่งผลให้ความต้องการใช้น้ำมัน
IEA เปิดเผยรายงานภาวะตลาดน้ำมันประจำเดือนส.ค. โดยได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของความต้องการใช้น้ำมันทั่วโลกในปี 2564 สู่ระดับ 5.3 ล้านบาร์เรล/วัน จากระดับ 5.4 ล้านบาร์เรล/วัน อย่างไรก็ดี IEA ได้ปรับเพิ่มคาดการณ์การขยายตัวของความต้องการใช้น้ำมันในปี 2565 สู่ระดับ 3.2 ล้านบาร์เรล/วัน จากระดับ 3 ล้านบาร์เรล/วัน
รายงานของ IEA ยังระบุด้วยว่า การที่กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมันและชาติพันธมิตรหรือโอเปกพลัส ได้ทำข้อตกลงเมื่อวันที่ 18 ก.ค.ว่าจะปรับเพิ่มกำลังการผลิตอย่างค่อยเป็นค่อยไปนั้น ได้ช่วยคลายความกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทาน แต่ก็อาจทำให้ตลาดน้ำมันโลกตกอยู่ในภาวะอุปทานล้นตลาดภายในไตรมาส 1/2565 หากโอเปกพลัสยังคงเดินหน้าเพิ่มการผลิต
ด้านเบเกอร์ ฮิวจ์ซึ่งเป็นผู้ให้บริการขุดเจาะน้ำมันของสหรัฐเปิดเผยว่า แท่นขุดเจาะน้ำมันและก๊าซธรรมชาติในสหรัฐที่มีการใช้งาน มีจำนวนเพิ่มขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 2 ติดต่อกัน
ทั้งนี้ เบเกอร์ ฮิวจ์เปิดเผยว่า แท่นขุดเจาะน้ำมันและก๊าซธรรมชาติในสหรัฐที่มีการใช้งาน มีจำนวนเพิ่มขึ้น 9 แท่นในสัปดาห์นี้ สู่ระดับ 500 แท่น ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย. 2563 จากระดับ 491 แท่นในสัปดาห์ที่แล้ว
นอกจากนี้ หากเทียบรายปี แท่นขุดเจาะน้ำมันและก๊าซธรรมชาติในสหรัฐที่มีการใช้งาน มีจำนวนเพิ่มขึ้น 256 แท่นในสัปดาห์นี้ หรือ 105% จากระดับ 244 แท่นในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย. 2563