สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 3 เดือนเมื่อคืนนี้ (19 ส.ค.) โดยสัญญาน้ำมันดิบปิดในแดนลบติดต่อกันเป็นวันที่ 6 เนื่องจากนักลงทุนยังคงกังวลว่าการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จะส่งผลกระทบต่อความต้องการใช้น้ำมัน นอกจากนี้ การแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ยังสร้างแรงกดดันตลาดน้ำมันด้วย
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย. ลดลง 1.77 ดอลลาร์ หรือ 2.7% ปิดที่ 63.69 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค.ปีนี้
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนต.ค. ลดลง 1.78 ดอลลาร์ หรือ 2.6% ปิดที่ 66.45 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค.ปีนี้
ภาวะการซื้อขายในตลาดน้ำมันยังคงได้รับแรงกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา โดยล่าสุดโกลด์แมน แซคส์ได้ปรับลดคาดการณ์ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของสหรัฐในไตรมาส 3 เหลือเพียง 5.5% จากเดิม 9% และคาดว่าอัตราเงินเฟ้อในสหรัฐจะพุ่งขึ้นสูงกว่าคาดในช่วงที่เหลือของปีนี้
ทั้งนี้ โกลด์แมน แซคส์ระบุในรายงานว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตาได้ส่งผลกระทบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจและเงินเฟ้อมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ เนื่องจากมีผลกระทบต่อการใช้จ่ายของผู้บริโภคและภาคการผลิต
นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ โดยดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.45% แตะที่ 93.5632 เมื่อคืนนี้
ทั้งนี้ การแข็งค่าของดอลลาร์ทำให้สัญญาน้ำมันดิบซึ่งกำหนดราคาเป็นดอลลาร์นั้น มีราคาแพงขึ้นและมีความน่าดึงดูดน้อยลงสำหรับนักลงทุนที่ถือเงินสกุลอื่นๆ
สำหรับปัจจัยที่ทำให้ดอลลาร์แข็งค่านั้น มาจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยรายงานการประชุมเดือนก.ค.ซึ่งระบุว่า กรรมการเฟดส่วนใหญ่เห็นพ้องที่จะเริ่มปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในปีนี้