สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (26 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลว่าการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมัน นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ รวมทั้งรายงานที่ว่า การผลิตน้ำมันในเม็กซิโกเริ่มฟื้นตัวขึ้นอีกครั้ง หลังจากก่อนหน้านี้ได้รับผลกระทบจากเกิดเหตุเพลิงไหม้แท่นขุดเจาะน้ำมันนอกชายฝั่ง
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค. ลดลง 94 เซนต์ หรือ 1.4% ปิดที่ 67.42 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนต.ค. ลดลง 1.18 ดอลลาร์ หรือ 1.6% ปิดที่ 71.07 ดอลลาร์/บาร์เรล
การแพร่ระบาดอย่างหนักของไวรัสโควิด-19 และการใช้มาตรการเข้มงวดเพื่อควบคุมการแพร่ระบาด ยังคงเป็นปัจจัยที่สร้างแรงกดดันต่อตลาดน้ำมัน โดยญี่ปุ่นได้ประกาศภาวะฉุกเฉินในหลายจังหวัดเพื่อควบคุมการแพร่ระบาด ขณะที่จีนออกมาตรการคุมเข้มในหลายเมือง รวมทั้งยกเลิกเที่ยวบิน และการขนส่งในภาคสาธารณะ
ทางด้านรัฐบาลนิวซีแลนด์ประกาศขยายเวลาล็อกดาวน์ทั่วประเทศระดับ 4 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดออกไปจนถึงเวลา 23.59 น.ของวันศุกร์ที่ 27 ส.ค.นี้ ขณะที่เมืองโอ๊คแลนด์ซึ่งเป็นศูนย์กลางการแพร่ระบาดนั้น จะยังคงอยู่ภายใต้มาตรการล็อกดาวน์ไปจนถึงวันที่ 31 ส.ค.
ขณะเดียวกันการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ยังสร้างแรงกดดันต่อตลาดน้ำมัน เนื่องจากทำให้สัญญาน้ำมันดิบซึ่งกำหนดราคาเป็นดอลลาร์นั้น มีราคาแพงขึ้นและไม่น่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนที่ถือครองสกุลเงินอื่น
ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.25% แตะที่ 93.0530 เมื่อคืนนี้
นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังได้รับแรงกดดันจากรายงานที่ว่า การผลิตน้ำมันในเม็กซิโกเริ่มกลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง หลังเกิดเหตุเพลิงไหม้แท่นขุดเจาะน้ำมันนอกชายฝั่งเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลให้การผลิตน้ำมันของเม็กซิโกลดลงกว่า 500,000 บาร์เรลต่อวัน แต่ในขณะนี้ การผลิตน้ำมันได้เพิ่มขึ้นราว 71,000 บาร์เรลต่อวัน และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นอีก 110,000 บาร์เรลต่อวันในสัปดาห์นี้