สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (31 ส.ค.) โดยได้รับแรงกดดันจากคาดการณ์ที่ว่า กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส จะตัดสินใจเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันในการประชุมวันนี้ นอกจากนี้ การชะลอตัวของภาคการผลิตจีนยังส่งผลให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับความต้องการใช้น้ำมันในประเทศจีน
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค. ลดลง 71 เซนต์ หรือ 1% ปิดที่ 68.50 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนต.ค. ลดลง 42 เซนต์ หรือ 0.6% ปิดที่ 72.99 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนตลอดเดือนส.ค. สัญญาน้ำมันดิบ WTI ร่วงลง 7% ขณะที่สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ ปรับตัวลง 4%
นักลงทุนจับตาการประชุมโอเปกพลัสในวันนี้ ซึ่งจะมีการหารือกันเกี่ยวกับการเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันอีก 400,000 บาร์เรล/วัน ขณะที่ตัวแทนของกลุ่มโอเปกพลัสหลายรายคาดการณ์ว่า ที่ประชุมโอเปกพลัสจะเห็นชอบต่อการปรับเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมัน แม้คูเวตระบุว่าอาจคัดค้านการปรับเพิ่มกำลังการผลิตดังกล่าว
ก่อนหน้านี้ สหรัฐเรียกร้องให้โอเปกพลัสผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้นเพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ และสกัดราคาที่กำลังพุ่งขึ้น ท่ามกลางความกังวลที่ว่าเงินเฟ้อที่ดีดตัวขึ้นจะส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐ หลังได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังถูกกดดันหลังจากสำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) รายงานเมื่อวานนี้ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) กาคการผลิตเดือนส.ค.อยู่ที่ระดับ 50.1 ซึ่งชะลอตัวลงจากระดับ 50.4 ในเดือนก.ค.
ส่วนดัชนี PMI ภาคบริการเดือนส.ค.อยู่ที่ 47.5 ซึ่งลดลงอย่างมากจากระดับ 53.3 ในเดือนก.ค. โดยดัชนีที่อยู่ต่ำกว่าระดับ 50 บ่งชี้ว่าภาคบริการของจีนหดตัวลงในเดือนส.ค. เพราะได้รับแรงกดดันจากการที่รัฐบาลประกาศใช้มาตรการเข้มงวดเพื่อควบคุมการระบาดของโรคโควิด-19 และราคาวัตถุดิบที่ระดับสูง
นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ของสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ในวันนี้ เวลา 21.30 น.ตามเวลาไทย ขณะที่นักวิเคราะห์ในโพลสำรวจของเอสแอนด์พี โกลบอล แพลทส์คาดการณ์ว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐจะลดลง 4.4 ล้านบาร์เรล