สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (7 ก.ย.) โดยได้รับปัจจัยลบจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ และจากการที่ซาอุดีอาระเบียประกาศลดราคาน้ำมันดิบให้กับลูกค้าในเอเชีย
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค. ลดลง 94 เซนต์ หรือ 1.4% ปิดที่ 68.35 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนพ.ย. ลดลง 53 เซนต์ หรือ 0.7% ปิดที่ 71.69 ดอลลาร์/บาร์เรล
จอห์น ซอเซอร์ รองประธานฝ่ายกิจการตลาดน้ำมันดิบของบริษัทโมบิอุส ริสก์ กล่าวว่า การแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ และการที่ซาอุดีอาระเบียประกาศลดราคาน้ำมันดิบทุกเกรดสำหรับลูกค้าเอเชียลงอย่างน้อย 1 ดอลลาร์/บาร์เรลในเดือนต.ค.นั้น เป็นปัจจัยที่สร้างแรงกดดันต่อตลาดน้ำมันเมื่อคืนนี้
ซอเซอร์กล่าวว่า นักลงทุนมองว่าการที่ซาอุดีอาระเบียลดราคาน้ำมันอาจเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าความต้องการใช้น้ำมันในเอเชียเริ่มชะลอตัวลง อันเนื่องมาจากหลายประเทศในเอเชียประกาศใช้มาตรการล็อกดาวน์เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา นอกจากนี้ ซาอุดีอาระเบียยังปรับลดราคาน้ำมันลงมากกว่าที่บรรดาโรงกลั่นคาดการณ์ว่าจะปรับลดลงเพียง 20-40 เซนต์/บาร์เรลเท่านั้น
ทั้งนี้ นับเป็นครั้งแรกในรอบ 4 เดือนที่ซาอุดีอาระเบียปรับลดราคาน้ำมันสำหรับลูกค้าในเอเชีย และเกิดขึ้นหลังจากกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตรหรือโอเปกพลัสได้บรรลุข้อตกลงเพิ่มกำลังการผลิตในการประชุมเมื่อวันที่ 1 ก.ย.ที่ผ่านมา โดยข้อตกลงดังกล่าวจะทำให้โอเปกพลัสเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมัน 400,000 บาร์เรล/วันในเดือนต.ค. เช่นเดียวกับที่ได้เพิ่มกำลังการผลิตน้ำมัน 400,000 บาร์เรล/วันในเดือนก.ย.
สัญญาน้ำมันดิบได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ โดยดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.32% แตะที่ 92.5126 เมื่อคืนนี้
ทั้งนี้ การแข็งค่าของดอลลาร์ทำให้สัญญาน้ำมันดิบซึ่งกำหนดราคาเป็นดอลลาร์นั้น มีราคาแพงขึ้นและมีความน่าดึงดูดน้อยลงสำหรับนักลงทุนที่ถือเงินสกุลอื่นๆ