สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเหนือระดับ 70 ดอลลาร์เป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 6 สัปดาห์เมื่อคืนนี้ (13 ก.ย.) โดยได้รับปัจจัยบวกจากรายงานที่ว่าแหล่งผลิตน้ำมันในอ่าวเม็กซิโกยังคงได้รับผลกระทบจากพายุเฮอริเคนไอดา นอกจากนี้ ตลาดยังคาดการณ์ว่าการผลิตน้ำมันในรัฐเท็กซัสอาจได้รับผลกระทบจากพายุโซนร้อนนิโคลัสที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 73 เซนต์ หรือ 1.1% ปิดที่ 70.45 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 30 ส.ค.ปีนี้
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนพ.ย. เพิ่มขึ้น 59 เซนต์ หรือ 0.8% ปิดที่ 73.51 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 30 ก.ค.ปีนี้
สัญญาน้ำมันดิบ WTI พุ่งขึ้นหลังจากมีรายงานว่า บริษัทน้ำมันในอ่าวเม็กซิโกยังคงไม่สามารถฟื้นฟูการผลิตได้เต็มที่ แม้พายุเฮอริเคนไอดาได้พัดผ่านบริเวณดังกล่าวแล้วก็ตาม ส่งผลให้ปริมาณน้ำมันในตลาดลดลงราว 17.5 ล้านบาร์เรล
สำนักงานนิรภัยและการบังคับใช้สิ่งแวดล้อมของรัฐบาลกลางสหรัฐ (Bureau of Safety and Environmental Enforcement - BSEE) เปิดเผยว่า ณ วันจันทร์ที่ 13 ก.ย. การผลิตน้ำมันประมาณ 43.6% ในอ่าวเม็กซิโกยังคงปิดทำการอยู่ และการผลิตก๊าซธรรมชาติ 51.61% ที่ยังคงปิดดำเนินการอยู่เช่นกัน อันเนื่องมาจากผลกระทบของพายุเฮอริเคนไอดา
ขณะเดียวกันมีรายงานว่า พื้นที่ชายฝั่งบางส่วนของรัฐเท็กซัสประกาศเฝ้าระวังพายุเฮอริเคน เพื่อเตรียมรับมือพายุโซนร้อนนิโคลัสที่คาดว่าจะทวีความรุนแรงมากขึ้น โดยพายุนิโคลัส เป็นพายุลูกที่ 14 ของฤดูพายุเฮอริเคนในมหาสมุทรแอตแลนติก และก่อตัวขึ้นในอ่าวเม็กซิโกเมื่อช่วงเช้าวันอาทิตย์ที่ผ่านมา
นักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยสถาบันปิโตรเลียมอเมริกา (API) ซึ่งเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมน้ำมันของสหรัฐจะเปิดเผยรายงานสต็อกน้ำมันดิบในวันนี้ ส่วนสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยรายงานดังกล่าวในวันพรุ่งนี้