สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเล็กน้อยเมื่อคืนนี้ (14 ก.ย.) โดยราคาน้ำมันแผ่วลงในช่วงท้าย หลังจากที่พุ่งขึ้นทะลุระดับ 71 ดอลลาร์/บาร์เรลในระหว่างวัน เนื่องจากความกังวลที่ว่า พายุเฮอริเคนนิโคลัสจะส่งผลกระทบต่อการผลิตน้ำมันของรัฐเท็กซัสในสัปดาห์นี้
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 1 เซนต์ ปิดที่ 70.46 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 3 ส.ค.ปีนี้
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนพ.ย. เพิ่มขึ้น 9 เซนต์ หรือ 0.1% ปิดที่ 73.60 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 30 ก.ค.ปีนี้
ในช่วงแรกนั้น สัญญาน้ำมันดิบ WTI พุ่งขึ้นเหนือระดับ 71 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากพายุเฮอริเคนนิโคลัสได้พัดถล่มชายฝั่งอ่าวเม็กซิโกของรัฐเท็กซัสและลุยเซียนาเมื่อวานนี้ ส่งผลให้เกิดฝนตกหนัก และคาดว่าจะทำให้เกิดน้ำท่วมเป็นวงกว้าง, ไฟฟ้าดับ และคลื่นพายุซัดฝั่ง (Storm Surge)
ทำเนียบขาวเปิดเผยว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดนได้ประกาศภาวะฉุกเฉินในรัฐลุยเซียนา และสั่งระดมความช่วยเหลือจากส่วนกลางเพื่อส่งไปยังพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากพายุนิโคลัส
ทางด้านนายเกร็ก แอ็บบอตต์ ผู้ว่าการรัฐเท็กซัสได้ประกาศภาวะฉุกเฉินใน 17 เคาน์ตีและ 3 เมืองทั่วรัฐเท็กซัส พร้อมระบุว่า ทางรัฐเท็กซัสได้เตรียมพร้อมทีมกู้ภัยทั้งทางเรือและทางเฮลิคอปเตอร์เพื่อให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย
การผลิตน้ำมันในอ่าวเม็กซิโกยังคงได้รับผลกระทบจากพายุเฮอริเคนไอดา โดยสำนักงานนิรภัยและการบังคับใช้สิ่งแวดล้อมของรัฐบาลกลางสหรัฐ (Bureau of Safety and Environmental Enforcement - BSEE) เปิดเผยว่า ณ วันอังคารที่ 14 ก.ย. การผลิตน้ำมันประมาณ 39.57% ในอ่าวเม็กซิโกยังคงปิดทำการอยู่ และการผลิตก๊าซธรรมชาติกว่า 48% ที่ยังคงปิดดำเนินการอยู่เช่นกัน
นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ของสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ในวันนี้ ขณะที่นักวิเคราะห์ในโพลสำรวจของเอสแอนด์พี โกลบอล แพลทส์คาดการณ์ว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐจะลดลง 3.5 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 10 ก.ย. นอกจากนี้คาดว่า สต็อกน้ำมันเบนซินจะลดลง 2 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมันกลั่นจะลดลง 2.2 ล้านบาร์เรล