สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดทรงตัวเมื่อคืนนี้ (16 ก.ย.) หลังมีรายงานว่าการผลิตน้ำมันในอ่าวเม็กซิโกเริ่มฟื้นตัวอีกครั้งหลังจากพายุเฮอริเคนนิโคลัสเคลื่อนตัวผ่านรัฐเท็กซัสไปแล้วในช่วงต้นสัปดาห์นี้
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค. ปิดทรงตัวที่ระดับ 72.61 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนพ.ย. เพิ่มขึ้น 21 เซนต์ หรือ 0.3% ปิดที่ 75.67 ดอลลาร์/บาร์เรล
ข้อมูลจาก Refinitiv Eikon ระบุว่า การส่งออกน้ำมันในอ่าวเม็กซิโกเริ่มกลับมาดำเนินการอีกครั้ง ส่วนการผลิตในอ่าวเม็กซิโกที่ปิดทำการอยู่นั้นมีเพียง 28% ซึ่งดีกว่าในช่วงที่ผ่านมาที่การผลิตถูกระงับกว่า 50% อันเนื่องมาจากผลกระทบของพายุเฮอริเคนไอดาและเฮอริเคนนิโคลัส
ขณะเดียวกันมีรายงานว่า บริษัทพลังงานในเขตกัลฟ์โคสต์ของสหรัฐสามารถฟื้นฟูการบริการท่อส่งน้ำมันได้อีกครั้งและระบบไฟฟ้ากลับมาใช้การได้อย่างรวดเร็ว หลังจากพายุเฮอริเคนนิโคลัสเคลื่อนตัวผ่านรัฐเท็กซัสไปแล้วในช่วงต้นสัปดาห์นี้ ซึ่งเปิดทางให้เจ้าหน้าที่ของบริษัทพลังงานสามารถเข้าไปประเมินสถานการณ์และซ่อมแซมความเสียหายที่เกิดจากพายุเฮอริเคน
อย่างไรก็ดี ตลาดน้ำมันยังคงได้รับปัจจัยบวกหลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลง 6.4 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงเพียง 3.5 ล้านบาร์เรล โดยตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบของ EIA สอดคล้องกับที่สถาบันปิโตรเลียมอเมริกา (API) รายงานว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลง 5.4 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว
นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากรายงานของสำนักงานพลังงานสากล (IEA) ซึ่งระบุว่า การฉีดวัคซีนโควิด-19 ในวงกว้างจะช่วยหนุนอุปสงค์น้ำมันทั่วโลก หลังจากดิ่งลงในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา อันเนื่องจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา