สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (28 ก.ย.) โดยได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ และจากการที่นักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากราคาน้ำมันพุ่งขึ้นติดต่อกัน 5 วันทำการ ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐในวันนี้ รวมทั้งการประชุมของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส ในวันที่ 4 ต.ค.
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย. ลดลง 16 เซนต์ หรือ 0.2% ปิดที่ 75.29 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนพ.ย. ลดลง 44 เซนต์ หรือ 0.6% ปิดที่ 79.09 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบได้รับปัจจัยลบจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ โดยดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.41% แตะที่ 93.7686 เมื่อคืนนี้
ทั้งนี้ การแข็งค่าของดอลลาร์ทำให้สัญญาน้ำมันดิบซึ่งกำหนดราคาเป็นดอลลาร์นั้น มีราคาแพงขึ้นและมีความน่าดึงดูดน้อยลงสำหรับนักลงทุนที่ถือเงินสกุลอื่นๆ
นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI อ่อนแรงลงเนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไร หลังจากราคาพุ่งขึ้นติดต่อกัน 5 วันทำการ โดยส่วนใหญ่ได้ปัจจัยหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่าความต้องการใช้น้ำมันจะพุ่งขึ้นเนื่องจากเศรษฐกิจส่งสัญญาณฟื้นตัว
โกลด์แมน แซคส์ได้ปรับเพิ่มคาดการณ์ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ในปีนี้ขึ้นสู่ระดับ 90 ดอลลาร์/บาร์เรล จากระดับ 80 ดอลลาร์/บาร์เรล เนื่องจากคาดว่าความต้องการน้ำมันจะฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ คาดว่าการที่พายุเฮอริเคนไอดาส่งผลกระทบต่อการผลิตน้ำมันในอ่าวเม็กซิโกจะส่งผลให้เกิดภาวะอุปทานตัว และเป็นอีกปัจจัยที่จะทำให้ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นด้วย
นักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบซึ่งสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) มีกำหนดเปิดเผยในวันนี้ ด้านนักวิเคราะห์ในโพลสำรวจของเอสแอนด์พี โกลบอล แพลทส์คาดการณ์ว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐจะลดลง 4.5 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 24 ก.ย. ขณะเดียวกันคาดว่า สต็อกน้ำมันเบนซินจะเพิ่มขึ้น 7 แสนบาร์เรล และคาดว่าสต็อกน้ำมันกลั่นจะลดลง 2.2 ล้านบาร์เรล
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาการประชุมกำหนดนโยบายการผลิตน้ำมันของโอเปกพลัสในวันที่ 4 ต.ค.นี้ โดยที่ประชุมจะตัดสินใจเกี่ยวกับแผนการด้านอุปทาน ขณะที่นักลงทุนคาดว่าการประชุมดังกล่าวจะมีผลต่อทิศทางราคาน้ำมัน