สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบเกือบ 7 ปีเมื่อคืนนี้ (4 ต.ค.) ขานรับกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส มีมติเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมัน 400,000 บาร์เรล/วันตามคาดในการประชุมเมื่อวานนี้
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย. เพิ่มขึ้น 1.74 ดอลลาร์ หรือ 2.3% ปิดที่ 77.62 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่เดือนวันที่ 11 พ.ย. 2557
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 1.98 ดอลลาร์ หรือ 2.5% ปิดที่ 81.26 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 16 ต.ค. 2561
สัญญาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นหลังจากกลุ่มโอเปกพลัสออกแถลงการณ์ภายหลังการประชุมเมื่อวานนี้ว่า โอเปกพลัสมีมติยึดมั่นตามข้อตกลงเดิมในการเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันเพียง 400,000 บาร์เรล/วันในแต่ละเดือน
แถลงการณ์ดังกล่าวบ่งชี้ว่าโอเปกพลัสจะยังคงเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมัน 400,000 บาร์เรล/วันในเดือนพ.ย. แม้ว่าหลายประเทศ เช่น สหรัฐและอินเดีย ต่างกดดันให้โอเปกพลัสเพิ่มกำลังการผลิตมากกว่า 400,000 บาร์เรล/วัน เพื่อชะลอการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันในขณะนี้
อย่างไรก็ดี โอเปกพลัสมีความวิตกว่าการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 อาจส่งผลกระทบต่ออุปสงค์น้ำมันในไตรมาส 4
ทั้งนี้ โอเปกพลัสจะจัดการประชุมครั้งต่อไปในเดือนพ.ย. เพื่อกำหนดนโยบายการผลิตน้ำมันสำหรับเดือนธ.ค.
นักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ของสหรัฐ โดยสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) มีกำหนดเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวในวันพุธนี้ เวลา 21.30 น.ตามเวลาไทย