สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (5 ต.ค.) โดยสัญญาน้ำมันดิบปิดที่ระดับสูงสุดในรอบเกือบ 7 ปีติดต่อกันเป็นวันที่สอง ขานรับกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส มีมติเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมัน 400,000 บาร์เรล/วันตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ แม้ว่าหลายประเทศรวมถึงสหรัฐได้พยายามกดดันให้โอเปกพลัสเพิ่มกำลังการผลิตมากกว่าระดับดังกล่าวเพื่อชะลอการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมัน
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย. เพิ่มขึ้น 1.31 ดอลลาร์ หรือ 1.7% ปิดที่ 78.93 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่เดือนวันที่ 21 ต.ค. 2557
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 1.30 ดอลลาร์ หรือ 1.6% ปิดที่ 82.56 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 10 ต.ค. 2561
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ปิดตลาดในแดนบวกติดต่อกัน 4 วันทำการ และยังคงเคลื่อนไหวที่ระดับสูงสุดในรอบเกือบ 7 ปี เนื่องจากนักลงทุนขานรับกลุ่มโอเปกพลัสที่ยึดมั่นตามข้อตกลงเดิมในการเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันเพียง 400,000 บาร์เรล/วันในแต่ละเดือน แม้ว่าถูกกดดันจากนานาประเทศให้เพิ่มกำลังการผลิตมากกว่าระดับดังกล่าวเพื่อชะลอการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันในขณะนี้
ในการประชุมเมื่อวันที่ 4 ต.ค.ที่ผ่านมา ที่ประชุมโอเปกพลัสมีมติเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมัน 400,000 บาร์เรล/วันในเดือนพ.ย. เช่นเดียวกับที่ได้ปรับเพิ่มกำลังการผลิต 400,000 บาร์เรล/วันสำหรับเดือนต.ค. และเพิ่มกำลังการผลิต 400,000 บาร์เรล/วันในเดือนก.ย.
ทั้งนี้ โอเปกพลัสจะจัดการประชุมครั้งต่อไปในเดือนพ.ย. เพื่อกำหนดนโยบายการผลิตน้ำมันสำหรับเดือนธ.ค.
นักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบซึ่งสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) มีกำหนดเปิดเผยในวันนี้ ด้านนักวิเคราะห์ในโพลสำรวจของเอสแอนด์พี โกลบอล แพลทส์คาดการณ์ว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐจะเพิ่มขึ้น 2 แสนบาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 1 ต.ค. ขณะเดียวกันคาดว่าสต็อกน้ำมันเบนซินจะลดลง 7 แสนบาร์เรล และคาดว่าสต็อกน้ำมันกลั่นจะลดลง 1.7 ล้านบาร์เรล