สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (13 ต.ค.) หลังจากกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ปรับลดคาดการณ์ความต้องการน้ำมันทั่วโลกในปีนี้ ขณะที่นักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐซึ่งมีกำหนดเปิดเผยในวันนี้
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย. ลดลง 20 เซนต์ หรือ 0.3% ปิดที่ 80.44 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 24 เซนต์ หรือ 0.3% ปิดที่ 83.18 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบปรับตัวลงหลังจากกลุ่มโอเปกได้ปรับลดคาดการณ์ความต้องการน้ำมันทั่วโลกในปีนี้ โดยคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 5.8 ล้านบาร์เรลต่อวัน จากเดิมคาดการณ์ไว้ว่าจะเพิ่มขึ้น 5.96 ล้านบาร์เรลต่อวัน เนื่องจากข้อมูลที่แท้จริงในช่วง 3 ไตรมาสแรกของปีนี้ออกมาต่ำกว่าคาด ถึงแม้โอเปกยังคงเชื่อว่าความต้องการน้ำมันในไตรมาสปัจจุบันจะแข็งแกร่งก็ตาม
นอกจากนี้ บรรยากาศการซื้อขายในตลาดน้ำมันยังได้รับแรงกดดันจากการที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปีนี้ลงสู่ระดับ 5.9% จากตัวเลขคาดการณ์เดิมที่ระดับ 6% โดยระบุถึงปัญหาห่วงโซ่อุปทานที่ส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก รวมทั้งการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อแนวโน้มเศรษฐกิจในหลายประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาที่มีรายได้ต่ำ
นักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบซึ่งสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) มีกำหนดเปิดเผยในวันนี้ ขณะที่นักวิเคราะห์ในโพลสำรวจของเอสแอนด์พี โกลบอล แพลทส์คาดการณ์ว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐจะลดลง 5 แสนบาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 8 ต.ค. ขณะเดียวกันคาดว่าสต็อกน้ำมันเบนซินจะลดลง 4 แสนบาร์เรล และสต็อกน้ำมันกลั่นลดลง 8 แสนบาร์เรล