สัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI พุ่งขึ้นกว่า 1% เหนือระดับ 83 ดอลลาร์ ทำสถิติสูงสุดในรอบ 7 ปี ขานรับอุปสงค์ที่พุ่งขึ้นในตลาด
ณ เวลา 19.07 น.ตามเวลาไทย สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนพ.ย. ซึ่งมีการซื้อขายที่ตลาด NYMEX เพิ่มขึ้น 1.17 ดอลลาร์ หรือ 1.42% สู่ระดับ 83.45 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากพุ่งแตะระดับ 83.73 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนต.ค.2557
สำนักงานพลังงานสากล (IEA) ระบุว่า การพุ่งขึ้นของราคาถ่านหินและก๊าซธรรมชาติจะทำให้ผู้ผลิตพลังงานไฟฟ้าหันมาใช้น้ำมันดิบและน้ำมันดีเซล
นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังได้แรงหนุนจากคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันที่พุ่งขึ้นจากการเปิดเศรษฐกิจของหลายประเทศ ขณะที่รัฐบาลสหรัฐประกาศยกเลิกคำสั่งห้ามชาวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศในวันศุกร์ หลังจากที่รัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ออกคำสั่งดังกล่าวในปีที่แล้วเพื่อสกัดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
ทำเนียบขาวแถลงในวันศุกร์ว่า ชาวต่างชาติที่ได้รับการฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 ครบโดสจะสามารถเดินทางเข้าสู่สหรัฐนับตั้งแต่วันที่ 8 พ.ย.
คาดว่าการผ่อนคลายมาตรการดังกล่าวจะช่วยกระตุ้นอุตสาหกรรมการบินและการท่องเที่ยวของสหรัฐ หลังจากที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการล็อกดาวน์ก่อนหน้านี้
ขณะเดียวกัน ราคาน้ำมันยังดีดตัวขึ้นจากรายงานที่ว่า ซาอุดีอาระเบียได้ปฏิเสธข้อเรียกร้องจากสหรัฐที่ต้องการให้กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส เพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันอีกเพื่อสกัดราคาพลังงานที่พุ่งขึ้นในขณะนี้
ทั้งนี้ โอเปกพลัสมีมติเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันเพียง 400,000 บาร์เรล/วันในเดือนพ.ย. แม้ว่าหลายประเทศ เช่น สหรัฐและอินเดีย ต่างกดดันให้โอเปกพลัสเพิ่มกำลังการผลิตมากขึ้นเพื่อชะลอการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมัน
นักลงทุนจับตาการประชุมของโอเปกพลัสในวันที่ 4 พ.ย.เพื่อกำหนดนโยบายการผลิตน้ำมันสำหรับเดือนธ.ค.