สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (18 ต.ค.) ขานรับแนวโน้มความต้องการใช้น้ำมันที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก ขณะที่นักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐในสัปดาห์นี้
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย. เพิ่มขึ้น 16 เซนต์ หรือ 0.2% ปิดที่ 82.44 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 53 เซนต์ หรือ 0.6% ปิดที่ 84.33 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบได้รับปัจจัยหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า ความต้องการใช้น้ำมันจะพุ่งขึ้นเนื่องจากการเปิดเศรษฐกิจของหลายประเทศ ขณะที่รัฐบาลสหรัฐประกาศยกเลิกคำสั่งห้ามชาวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศ โดยระบุว่า ชาวต่างชาติที่ได้รับการฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 ครบโดสจะสามารถเดินทางเข้าสหรัฐได้นับตั้งแต่วันที่ 8 พ.ย.
ทั้งนี้ คาดว่าการผ่อนคลายมาตรการดังกล่าวจะช่วยกระตุ้นอุตสาหกรรมการบินและการท่องเที่ยวของสหรัฐ หลังจากที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการล็อกดาวน์ก่อนหน้านี้
ทางด้านสำนักงานพลังงานสากล (IEA) ระบุว่า การพุ่งขึ้นของราคาถ่านหินและก๊าซธรรมชาติจะทำให้ผู้ผลิตพลังงานไฟฟ้าหันมาใช้น้ำมันดิบและน้ำมันดีเซล
อย่างไรก็ดี สัญญาน้ำมันดิบ WTI อ่อนแรงลงจากระดับสูงสุดในระหว่างวัน ขณะที่สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ปิดในแดนลบ หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) รายงานเมื่อคืนนี้ว่า การผลิตภาคอุตสาหกรรมโดยรวมของสหรัฐปรับตัวลง 1.3% ในเดือนก.ย. โดยตัวเลขการผลิตภาคอุตสาหกรรมโดยรวม เป็นการวัดการปรับตัวของภาคโรงงาน, เหมืองแร่ และสาธารณูปโภค
นักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ของสหรัฐ โดยสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) มีกำหนดเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวในวันพุธที่ 20 ต.ค. เวลา 21.30 น.ตามเวลาไทย