สัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI ดีดตัวขึ้นในวันนี้ ขานรับสหรัฐผ่านร่างกฎหมายโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งจะหนุนความต้องการใช้น้ำมันในประเทศ
ณ เวลา 23.12 น.ตามเวลาไทย สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนธ.ค. ซึ่งมีการซื้อขายที่ตลาด NYMEX เพิ่มขึ้น 74 เซนต์ หรือ 0.90% สู่ระดับ 82.67 ดอลลาร์/บาร์เรล
ทั้งนี้ สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐได้อนุมัติร่างกฎหมายการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน วงเงินกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา และจะส่งต่อให้ประธานาธิบดีโจ ไบเดนลงนามบังคับใช้เป็นกฎหมายต่อไป
นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังได้ปัจจัยบวกจากการที่กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส มีมติเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันเพียง 400,000 บาร์เรล/วันในเดือนธ.ค. แม้ว่าสหรัฐได้กดดันให้โอเปกพลัสเพิ่มกำลังการผลิตมากขึ้นเพื่อชะลอการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมัน
ทั้งนี้ โอเปกพลัสเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันอย่างระมัดระวัง เนื่องจากกังวลว่าอุปสงค์น้ำมันอาจทรุดตัวลงได้อีก ท่ามกลางการแพร่ระบาดระลอกใหม่ของโควิด-19 ในจีนและยุโรป
โอเปกพลัสจะประชุมครั้งต่อไปในวันที่ 2 ธ.ค.เพื่อกำหนดนโยบายการผลิตสำหรับเดือนม.ค.2565
เจพีมอร์แกน เชสระบุว่า อุปสงค์น้ำมันในตลาดโลกในเดือนพ.ย.กำลังดีดตัวขึ้นใกล้แตะระดับ 100 ล้านบาร์เรล/วัน ซึ่งเป็นระดับก่อนที่จะเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในช่วงต้นปี 2563
อย่างไรก็ดี ราคาน้ำมันถูกกดดัน หลังจากที่นางเจนนิเฟอร์ แกรนโฮล์ม รมว.พลังงานสหรัฐ กล่าวว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดน อาจมีการดำเนินมาตรการในสัปดาห์นี้เพื่อสกัดการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมัน
"ท่านกำลังพิจารณาเกี่ยวกับทางเลือกต่างๆที่ประธานาธิบดีสหรัฐสามารถดำเนินการได้เพื่อแก้ไขปัญหาน้ำมันเบนซินมีราคาแพง โดยท่านอาจทำการประกาศในสัปดาห์นี้" นางแกรนโฮล์มกล่าว
ทั้งนี้ มีการคาดการณ์กันว่า ปธน.ไบเดนอาจประกาศระบายน้ำมันจากคลังสำรองทางยุทธศาสตร์ (SPR) เพื่อสกัดการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันเบนซินในประเทศ
ปธน.ไบเดนกล่าวเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาว่า สหรัฐมีเครื่องมือที่จะรับมือกับราคาน้ำมันที่พุ่งสูง หลังจากที่กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส เมินข้อเรียกร้องของสหรัฐที่ต้องการให้โอเปกพลัสเพิ่มการผลิตน้ำมันมากกว่า 400,000 บาร์เรล/วัน