สัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI ปรับตัวขึ้นในวันนี้จากแรงซื้อเก็งกำไร หลังดิ่งลงอย่างหนักวานนี้
ณ เวลา 22.20 น.ตามเวลาไทย สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนธ.ค. ซึ่งมีการซื้อขายที่ตลาด NYMEX เพิ่มขึ้น 76 เซนต์ หรือ 0.93% สู่ระดับ 82.10 ดอลลาร์/บาร์เรล
ราคาน้ำมัน WTI ร่วงลงกว่า 3% หลุดระดับ 82 ดอลลาร์วานนี้ หลังสหรัฐเปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบพุ่งขึ้นในสัปดาห์ที่แล้ว นอกจากนี้ การแข็งค่าของดอลลาร์ยังเป็นปัจจัยกดดันตลาดน้ำมัน
ทั้งนี้ สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐเพิ่มขึ้น 1 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นไปตามการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ แต่สวนทางกับข้อมูลของสถาบันปิโตรเลียมอเมริกา (API) ที่รายงานก่อนหน้านี้ว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลง 2.5 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว
ราคาน้ำมันยังถูกกดดันจากการที่กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ประกาศปรับลดคาดการณ์ความต้องการน้ำมันในไตรมาส 4 ของปีนี้
ทั้งนี้ โอเปกระบุในรายงานประจำเดือนพ.ย.ว่า อุปสงค์น้ำมันจะอยู่ที่ระดับเฉลี่ย 99.49 ล้านบาร์เรล/วันในไตรมาส 4 โดยลดลง 330,000 บาร์เรล/วันจากตัวเลขคาดการณ์ในรายงานประจำเดือนต.ค.
อย่างไรก็ดี โอเปกยังคงคาดการณ์ว่าความต้องการใช้น้ำมันจะมีการขยายตัวอย่างแข็งแกร่งในปีหน้ากลับสู่ระดับก่อนเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19
นักลงทุนจับตาท่าทีของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ซึ่งอาจดำเนินมาตรการในสัปดาห์นี้เพื่อสกัดการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมัน
"ท่านกำลังพิจารณาเกี่ยวกับทางเลือกต่างๆที่ประธานาธิบดีสหรัฐสามารถดำเนินการได้เพื่อแก้ไขปัญหาน้ำมันเบนซินมีราคาแพง โดยท่านอาจทำการประกาศในสัปดาห์นี้" นางเจนนิเฟอร์ แกรนโฮล์ม รัฐมนตรีพลังงานสหรัฐกล่าว
ทั้งนี้ มีการคาดการณ์กันว่า ปธน.ไบเดนอาจประกาศระบายน้ำมันจากคลังสำรองทางยุทธศาสตร์ (SPR) เพื่อสกัดการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันเบนซินในประเทศ
ปธน.ไบเดนกล่าวเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาว่า สหรัฐมีเครื่องมือที่จะรับมือกับราคาน้ำมันที่พุ่งสูง หลังจากที่กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส เมินข้อเรียกร้องของสหรัฐที่ต้องการให้โอเปกพลัสเพิ่มการผลิตน้ำมันมากกว่า 400,000 บาร์เรล/วัน