สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดขยับขึ้นเล็กน้อยเมื่อคืนนี้ (15 พ.ย.) ท่ามกลางการซื้อขายที่ซบเซา โดยตลาดถูกกดดันจากเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น รวมทั้งความเป็นไปได้ที่สหรัฐอาจระบายน้ำมันดิบออกจากคลังสำรองทางยุทธศาสตร์ (SPR) เพื่อสกัดการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันในประเทศ
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 9 เซนต์ หรือ 0.1% ปิดที่ 80.88 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนม.ค. ลดลง 12 เซนต์ หรือ 0.2% ปิดที่ 82.05 ดอลลาร์/บาร์เรล
ภาวะการซื้อขายในตลาดน้ำมันได้รับแรงกดดัน หลังจากดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ปรับตัวขึ้น 0.30% แตะที่ 95.4078 เมื่อคืนนี้
ทั้งนี้ การแข็งค่าของดอลลาร์ทำให้สัญญาน้ำมันดิบซึ่งกำหนดราคาเป็นดอลลาร์นั้น มีราคาแพงขึ้นและไม่น่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนที่ถือสกุลเงินอื่น ๆ
นักวิเคราะห์จากบริษัท Commerzbank Research กล่าวว่า นอกเหนือจากการแข็งค่าของดอลลาร์แล้ว ตลาดยังได้รับปัจจัยลบจากความเป็นไปได้ที่รัฐบาลสหรัฐอาจระบายน้ำมันจากคลัง SPR โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อนายชัค ชูเมอร์ ผู้นำเสียงข้างมากวุฒิสภาสหรัฐได้เรียกร้องให้คณะบริหารของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ระบายน้ำมันออกจากคลังดังกล่าว เพื่อสกัดการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันเบนซินในช่วงเวลาที่ชาวอเมริกันก้าวเข้าสู่เทศกาลวันหยุด
นอกจากนี้ มีรายงานว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา วุฒิสมาชิกสังกัดพรรคเดโมแครต 11 คนได้ยื่นจดหมายเรียกร้องให้ปธน.ไบเดนระบายน้ำมันจากคลัง SPR และสั่งห้ามการส่งออกน้ำมันดิบเพื่อสกัดการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันเบนซิน
นักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ของสหรัฐ โดยสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) มีกำหนดเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวในวันพรุ่งนี้ เวลา 22.30 น.ตามเวลาไทย