สัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI ดิ่งลงกว่า 1% หลุดระดับ 80 ดอลลาร์ในวันนี้ ท่ามกลางความกังวลที่ว่ารัฐบาลสหรัฐอาจถูกกดดันให้ทำการระบายน้ำมันออกจากคลังสำรอง หลังจากที่ตัวเลขสต็อกน้ำมันเบนซินของสหรัฐลดลงมากกว่าคาดในสัปดาห์ที่แล้ว
ณ เวลา 23.08 น.ตามเวลาไทย สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนธ.ค. ซึ่งมีการซื้อขายที่ตลาด NYMEX ลดลง 1.28 ดอลลาร์ หรือ 1.58% สู่ระดับ 79.48 ดอลลาร์/บาร์เรล
ทั้งนี้ สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 700,000 บาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าลดลงเพียง 100,000 บาร์เรล
นอกจากนี้ สต็อกน้ำมันกลั่น ซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล ลดลง 800,000 บาร์เรล ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าลดลง 1.3 ล้านบาร์เรล
ส่วนสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลง 2.1 ล้านบาร์เรล ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าเพิ่มขึ้น 2.5 ล้านบาร์เรล
สถาบันปิโตรเลียมอเมริกา (API) ซึ่งเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมน้ำมันของสหรัฐ เปิดเผยก่อนหน้านี้ว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐเพิ่มขึ้น 655,000 บาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว
EIA ยังเปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบที่เมืองคูชิง รัฐโอกลาโฮมา ซึ่งเป็นจุดส่งมอบสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้าของสหรัฐ ลดลง 200,000 บาร์เรล
ประธานาธิบดีโจ ไบเดน กล่าวก่อนหน้านี้ว่า รัฐบาลอาจดำเนินมาตรการเพื่อสกัดการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมัน
ทั้งนี้ มีการคาดการณ์กันว่า ปธน.ไบเดนอาจประกาศระบายน้ำมันจากคลังสำรองทางยุทธศาสตร์ (SPR) เพื่อสกัดการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันเบนซินในประเทศ
ปธน.ไบเดนกล่าวก่อนหน้านี้ว่า สหรัฐมีเครื่องมือที่จะรับมือกับราคาน้ำมันที่พุ่งสูง หลังจากที่กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส ปฏิเสธข้อเรียกร้องของสหรัฐที่ต้องการให้โอเปกพลัสเพิ่มการผลิตน้ำมันมากกว่า 400,000 บาร์เรล/วัน
นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังถูกกดดันจากการที่สำนักงานพลังงานสากล (IEA) เปิดเผยว่า การพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันในตลาดโลกจะชะลอตัวลงในอนาคต เนื่องจากราคาน้ำมันที่ดีดตัวขึ้นได้ดึงดูดให้การผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้นทั่วโลก โดยเฉพาะในสหรัฐ
อย่างไรก็ดี IEA ระบุว่า การผลิตน้ำมันของสหรัฐ แม้ว่าได้ปรับตัวเพิ่มขึ้น แต่ก็จะยังไม่กลับสู่ระดับก่อนเกิดโควิด-19 จนกว่าจะถึงช่วงปลายปี 2565
"ตลาดน้ำมันโลกยังคงตึงตัว แต่เราก็เริ่มมองเห็นว่าราคาจะชะลอตัวลง อันเนื่องจากปริมาณน้ำมันที่เพิ่มขึ้น" รายงานของ IEA ระบุ