สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (23 พ.ย.) ขานรับการคาดการณ์ที่ว่ากลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส อาจระงับแผนเพิ่มกำลังการผลิตหลังจากที่สหรัฐและพันธมิตรประกาศระบายน้ำมันออกจากคลังสำรอง
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 1.75 ดอลลาร์ หรือ 2.3% ปิดที่ 78.50 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 2.61 ดอลลาร์ หรือ 3.3% ปิดที่ 82.31 ดอลลาร์/บาร์เรล
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า กลุ่มโอเปกพลัสอาจระงับแผนเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมัน 400,000 บาร์เรล/วันในเดือนธ.ค. หลังจากที่สหรัฐและพันธมิตรประกาศระบายน้ำมันออกจากคลังสำรอง
เอ็ดเวิร์ด โมยา นักวิเคราะห์จากบริษัท OANDA แสดงความเห็นว่า "น้ำมันดิบที่สหรัฐและชาติพันธมิตรระบายออกจากคลังสำรองนั้น มีปริมาณน้อยกว่าที่คาดไว้ และเราไม่แปลกใจหากกลุ่มโอเปกพลัสจะตัดสินใจชะลอแผนการเพิ่มผลิตน้ำมัน"
ประธานาธิบดีโจ ไบเดนประกาศเมื่อวานนี้ว่า สหรัฐจะระบายน้ำมันดิบจำนวน 50 ล้านบาร์เรลออกจากคลังสำรองทางยุทธศาสตร์ (SPR) เพื่อสกัดการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันในตลาด ขณะที่รัฐบาลอินเดียประกาศระบายน้ำมันดิบจำนวน 5 ล้านบาร์เรล
ทั้งนี้ สหรัฐจะระบายน้ำมันดิบร่วมกับสหราชอาณาจักร จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และอินเดีย ซึ่งถือเป็นความร่วมมือระหว่างประเทศเป็นครั้งแรกในการดำเนินมาตรการดังกล่าว
กระทรวงพลังงานสหรัฐเปิดเผยว่า ขณะนี้ SPR มีน้ำมันดิบรวม 604.5 ล้านบาร์เรล และน้ำมันดิบที่ถูกระบายออกมาจะเข้าสู่ตลาดภายในเวลา 13 วัน หลังจากที่ประธานาธิบดีมีคำสั่งดังกล่าว
นักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันประจำสัปดาห์ของสหรัฐ โดยสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวในวันนี้ เวลา 22.30 น.ตามเวลาไทย