สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (2 ธ.ค.) หลังที่ประชุมกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส มีมติยึดมั่นตามข้อตกลงปัจจุบันในการเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมัน 400,000 บาร์เรล/วันในเดือนม.ค. 2565 แม้ถูกกดดันจากสหรัฐที่ต้องการให้โอเปกพลัสเพิ่มกำลังการผลิตมากกว่าระดับดังกล่าว
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 93 เซนต์ หรือ 1.4% ปิดที่ 66.50 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 80 เซนต์ หรือ 1.2% ปิดที่ 69.67 ดอลลาร์/บาร์เรล
กลุ่มโอเปกพลัสออกแถลงการณ์เมื่อวานนี้ระบุว่า ที่ประชุมมีมติยึดมั่นตามข้อตกลงปัจจุบันในการเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมัน 400,000 บาร์เรล/วันในเดือนม.ค. 2565 แม้ที่ผ่านมาโอเปกพลัสได้ถูกสหรัฐกดดันให้เพิ่มกำลังการผลิตมากขึ้นเพื่อชะลอการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมัน
การประชุมดังกล่าวเป็นการประชุมของคณะกรรมการตรวจสอบของโอเปกพลัส ประกอบด้วย 8 ชาติจากทั้งหมด 23 ชาติ ซึ่งได้แก่รัฐมนตรีจากรัสเซีย ซาอุดีอาระเบีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ อิรัก คูเวต แอลจีเรีย เวเนซุเอลา และคาซัคสถาน
ที่ประชุมได้หารือกันเกี่ยวกับนโยบายการผลิตน้ำมันสำหรับเดือนม.ค.2565 โดยการพิจารณาอิงจากรายงานของคณะกรรมการด้านเทคนิคของโอเปกพลัสที่มีการจัดเตรียมขึ้นเมื่อวันพุธที่ผ่านมา ซึ่งรายงานดังกล่าวระบุว่า โอเปกพลัสได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของอุปสงค์น้ำมันในปีนี้ สู่ระดับ 5.65 ล้านบาร์เรล/วัน จากเดิมคาดการณ์ที่ระดับ 5.82 ล้านบาร์เรล/วัน
นักลงทุนยังคงจับตาสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอนในสหรัฐ หลังจากกระทรวงสาธารณสุขของรัฐมินนิโซตาเปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ได้ตรวจพบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอนเป็นรายที่ 2 ของสหรัฐ โดยผู้ติดเชื้อรายนี้ได้รับการฉีดวัคซีนครบโดส และเพิ่งเดินทางกลับจากกรุงนิวยอร์ก หลังจากที่เข้าร่วมการประชุม Anime NYC 2021 ในระหว่างวันที่ 19-21 พ.ย.