สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นทะลุระดับ 72 ดอลลาร์เมื่อคืนนี้ (7 ธ.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน รวมทั้งรายงานข่าวที่ว่าการเจรจาข้อตกลงนิวเคลียร์ระหว่างอิหร่านและชาติตะวันตกหยุดชะงักลง
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 2.56 ดอลลาร์ หรือ 3.7% ปิดที่ 72.05 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 24 พ.ย. 2564
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 2.36 ดอลลาร์ หรือ 3.2% ปิดที่ 75.44 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 25 พ.ย. 2564
บรรยากาศการซื้อขายในตลาดน้ำมันยังคงได้รับปัจจัยบวกจากการที่นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ไวรัสโอมิครอน หลังจากนายแพทย์แอนโทนี เฟาชี แพทย์ใหญ่ประจำทำเนียบขาวกล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีข้อมูลที่แสดงให้เห็นว่าไวรัสโอมิครอนก่อให้เกิดอาการเจ็บป่วยรุนแรง
ตลาดยังได้รับปัจจัยหนุนจากภาวะชะงักงันของการเจรจาข้อตกลงนิวเคลียร์ระหว่างอิหร่านและชาติตะวันตก ซึ่งจะทำให้อิหร่านชะลอการกลับมาส่งออกน้ำมันสู่ตลาดโลก นอกจากนี้ การที่ซาอุดีอาระเบียประกาศขึ้นราคาน้ำมันดิบประจำเดือนม.ค.2565 สำหรับลูกค้าในเอเชียและสหรัฐ ก็เป็นการสะท้อนถึงความเชื่อมั่นต่อความต้องการใช้น้ำมันในตลาด
นักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ของสหรัฐ โดยสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) มีกำหนดเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวในวันนี้ เวลา 22.30 น.ตามเวลาไทย
นักวิเคราะห์ในโพลสำรวจของเอสแอนด์พี โกลบอล แพลทส์ คาดการณ์ว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐจะลดลง 1.2 ล้านบาร์เรลในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 3 ธ.ค. ขณะเดียกวันคาดว่า สต็อกน้ำมันเบนซินจะเพิ่มขึ้น 1.4 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมันกลั่นจะเพิ่มขึ้น 9 แสนบาร์เรล