สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลดลงในวันพฤหัสบดี (9 ธ.ค.) หลังจากปรับตัวขึ้น 3 วันติดต่อกันในช่วงต้นสัปดาห์นี้ โดยดอลลาร์ที่แข็งค่า และความวิตกเกี่ยวกับแนวโน้มอุปสงค์น้ำมันที่ลดลง กดดันตลาด
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค. ลดลง 1.42 ดอลลาร์ หรือ 2% ปิดที่ 70.94 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.พ. ลดลง 1.4 ดอลลาร์ หรือ 1.9% ปิดที่ 74.42 ดอลลาร์/บาร์เรล
ตลาดน้ำมันนิวยอร์กปรับตัวลงเป็นวันแรกในสัปดาห์นี้ โดยถูกกดดันจากการที่ดอลลาร์แข็งค่าขึ้น โดยดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ปรับตัวขึ้น 0.39% สู่ระดับ 96.2665
ทั้งนี้ การแข็งค่าของดอลลาร์ทำให้สัญญาน้ำมันดิบซึ่งกำหนดราคาเป็นดอลลาร์นั้น มีราคาแพงขึ้นและไม่น่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนที่ถือสกุลเงินอื่น ๆ
หลายประเทศทั่วโลกได้ออกข้อจำกัดการเดินทางเมื่อไม่นานมานี้เพื่อสกัดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน ซึ่งสร้างแรงกดดันต่ออุปสงค์พลังงานและราคาน้ำมันด้วย
นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษประกาศคำแนะนำในวันพุธให้ประชาชนทำงานจากที่บ้านหากเป็นไปได้ และสนับสนุนให้สวมหน้ากากอนามัยในที่สาธารณะ
เดนมาร์กและจีนก็ได้กำหนดข้อจำกัดด้านการเดินทางด้วยเช่นกันเพื่อสกัดกั้นการแพร่ระบาดของไวรัสโอมิครอน
นอกจากนี้ ตลาดน้ำมันได้ปรับตัวรับรายงานของสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เมื่อวันพุธ (8 ธ.ค.) ซึ่งระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐ ลดลง 240,000 บาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ว่าอาจจะลดลง 1.705 ล้านบาร์เรล
ส่วนสต็อกน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 3.9 ล้านบาร์เรล ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าอาจเพิ่มขึ้น 1.798 ล้านบาร์เรล
นอกจากนี้ สต็อกน้ำมันกลั่น ซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล เพิ่มขึ้น 2.7 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าอาจเพิ่มขึ้น 1.571 ล้านบาร์เรล