สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเหนือระดับ 72 ดอลลาร์เมื่อคืนนี้ (22 ธ.ค.) ขานรับตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐที่ลดลงมากกว่าคาดในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งบ่งชี้ว่าความต้องการใช้น้ำมันในสหรัฐยังคงแข็งแกร่ง
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 1.64 ดอลลาร์ หรือ 2.3% ปิดที่ 72.76 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 1.31 ดอลลาร์ หรือ 1.8% ปิดที่ 75.29 ดอลลาร์/บาร์เรล
สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐลดลง 4.7 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 423.6 ล้านบาร์เรลในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 17 ธ.ค. ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์ในโพลสำรวจของสำนักข่าวรอยเตอร์คาดว่าจะลดลงเพียง 2.7 ล้านบาร์เรล
ส่วนสต็อกน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 5.5 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมันกลั่นซึ่งรวมถึงฮีทติ้งออยล์และเชื้อเพลิงดีซีล เพิ่มขึ้น 400,000 บาร์เรล
นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังได้ปัจจัยหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ โดยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 3/2564 ขยายตัว 2.3% สูงกว่าตัวเลขประมาณการครั้งที่สองที่ระดับ 2.1%
ทางด้าน Conference Board ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยเศรษฐกิจเปิดเผยผลสำรวจระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 115.8 ในเดือนธ.ค. จากระดับ 111.9 ในเดือนพ.ย. ซึ่งเพิ่มขึ้นมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 110.8 โดยดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐเป็นการสำรวจมุมมองของผู้บริโภค และความเชื่อมั่นต่อสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน และในช่วง 6 เดือนข้างหน้า, สถานะการเงินส่วนบุคคล และการจ้างงาน