สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันจันทร์ (10 ม.ค.) เนื่องจากนักลงทุนกังวลการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนจะส่งผลกระทบต่อความต้องการใช้น้ำมัน อย่างไรก็ดี สัญญาน้ำมันดิบปรับตัวลงไม่มากนัก เนื่องจากตลาดยังคงได้ปัจจัยหนุนจากความไม่สงบในคาซัคสถานซึ่งเป็นหนึ่งในสมาชิกกลุ่มโอเปกพลัส รวมทั้งรายงานการผลิตน้ำมันที่ลดลงในประเทศลิเบีย
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.พ. ลดลง 67 เซนต์ หรือ 0.9% ปิดที่ 78.23 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนมี.ค. ลดลง 88 เซนต์ หรือ 1.1% ปิดที่ 80.87 ดอลลาร์/บาร์เรล
ภาวะการซื้อขายในตลาดน้ำมันได้รับแรงกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของไวรัสสายพันธุ์โอมิครอน โดยล่าสุดศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติจีน (CCDC) ยืนยันว่า จีนพบผู้ติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์โอมิครอน 2 รายในเมืองเทียนจิน ซึ่งถือเป็นการพบผู้ติดเชื้อโอมิครอนครั้งแรกในประเทศจีน ส่งผลให้เมืองเทียนจินซึ่งเป็นเมืองท่าที่สำคัญของจีน ประกาศใช้มาตรการควบคุมการเดินทางที่เข้มงวดเพื่อป้องกันไม่ให้ไวรัสโอมิครอนแพร่ระบาดไปยังเมืองอื่น ๆ โดยเฉพาะกรุงปักกิ่ง และเพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมายของรัฐบาลจีนที่ต้องการให้จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 เป็นศูนย์ หรือ Zero-COVID
ทั้งนี้ ภาคธุรกิจวิตกกังวลว่ารัฐบาลจีนอาจจะใช้มาตรการล็อกดาวน์ครั้งใหม่ ซึ่งจะทำให้การผลิตและการขนส่งสินค้าต้องหยุดชะงักลง และเป็นการซ้ำเติมเศรษฐกิจจีนซึ่งได้รับผลกระทบอยู่ก่อนแล้ว จากภาวะการอุปโภคบริโภคที่อ่อนแอและการทรุดตัวของตลาดอสังหาริมทรัพย์
อย่างไรก็ดี สัญญาน้ำมันปรับตัวลงไม่มากนัก โดยได้ปัจจัยบวกจากความไม่สงบในคาซัคสถานซึ่งเป็นประเทศที่อุดมไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติและน้ำมัน โดยที่ผ่านมาคาซัคสถานสามารถผลิตน้ำมันได้วันละ 1.6 ล้านบาร์เรล
นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังได้แรงหนุนจากการผลิตน้ำมันที่ลดลงในลิเบียเหลือเพียงวันละ 729,000 บาร์เรล จากเดิมวันละ 1.3 ล้านบาร์เรล เนื่องจากมีการปิดบ่อน้ำมันหลายแห่ง รวมทั้งมีการปิดซ่อมบำรุงท่อส่งน้ำมัน