สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 7 ปีในวันพุธ (19 ม.ค.) หลังเกิดเหตุระเบิดท่อส่งน้ำมันของตุรกี ซึ่งส่งผลกระทบต่อการลำเลียงน้ำมันจากอิรักไปยังตุรกี นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนหลังจากสำนักงานพลังงานสากล (IEA) ปรับเพิ่มคาดการณ์ความต้องการใช้น้ำมันในตลาดโลกปีนี้
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 1.53 ดอลลาร์ หรือ 1.8% ปิดที่ 86.96 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 9 ต.ค. 2557
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 93 เซนต์ หรือ 1.1% ปิดที่ 88.44 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 13 ต.ค. 2557
สัญญาน้ำมันดิบ WTI พุ่งขึ้นทะลุระดับ 87 ดอลลาร์ในระหว่างวัน หลังมีรายงานว่า บริษัทโบตัส ซึ่งเป็นผู้ดำเนินการระบบท่อส่งน้ำมันของรัฐบาลตุรกี ได้ระงับการลำเลียงน้ำมันผ่านท่อส่งเคอร์คุก-ซีย์ฮาน หลังจากเกิดเหตุระเบิดใกล้กับจังหวัดคาห์รามานมารัส ทางตะวันออกเฉียงใต้ของตุรกี
ทั้งนี้ ท่อส่งน้ำมันเคอร์คุก-ซีย์ฮานเป็นท่อส่งน้ำมันความยาว 600 ไมล์ (970 กิโลเมตร) ที่ลำเลียงน้ำมันจากเมืองเคอร์คุกในอิรักไปยังเมืองซีย์ฮานของตุรกี และถือเป็นเส้นทางการส่งออกน้ำมันดิบใหญ่ที่สุดของอิรัก
นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนหลังจากสำนักงานพลังงานสากล (IEA) ปรับเพิ่มคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันในปี 2565 อีก 200,000 บาร์เรล/วัน สู่ระดับ 3.3 ล้านบาร์เรล/วัน ส่วนอุปสงค์น้ำมันในปี 2564 นั้น EIA ได้ปรับเพิ่มตัวเลขประมาณการขึ้นอีก 200,000 บาร์เรล/วัน สู่ระดับ 5.5 ล้านบาร์เรล/วัน
นักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันประจำสัปดาห์จากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) ในวันนี้ เวลา 23.00 น.ตามเวลาไทย ขณะที่นักวิเคราะห์ในโพลสำรวจของเอสแอนด์พี โกลบอล แพลทส์คาดการณ์ว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐจะลดลงเพียง 700,000 บาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 14 ม.ค.