ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.พ. ลดลง 6 เซนต์ หรือ 0.1% ปิดที่ 86.90 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนมี.ค. ลดลง 6 เซนต์ หรือ 0.1% ปิดที่ 88.38 ดอลลาร์/บาร์เรล
สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐเพิ่มขึ้น 500,000 บาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว สวนทางกับที่นักวิเคราะห์ที่คาดว่าจะลดลง 700,000 บาร์เรล
ข้อมูลดังกล่าวสอดคล้องกับรายงานของสถาบันปิโตรเลียมอเมริกา (API) ซึ่งระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐเพิ่มขึ้น 1.4 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว
อย่างไรก็ดี ตลาดน้ำมันได้แรงหนุนจากสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างสหรัฐและรัสเซีย โดยประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ ขู่ว่า รัสเซียจะเผชิญกับการคว่ำบาตรทางการเงิน เศรษฐกิจ และมาตรการอื่น ๆ ซึ่งรวมถึงการห้ามไม่ให้ใช้สกุลเงินดอลลาร์ หากรัสเซียบุกโจมตียูเครน
"ผมคาดว่าประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน จะเคลื่อนกำลังทหารเข้าไปในยูเครน พันธมิตรและเพื่อนของเราพร้อมที่จะตอบโต้รัสเซียอย่างรุนแรง ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อรัสเซียอย่างมีนัยสำคัญ และผลกระทบทางเศรษฐกิจที่ตามมาอาจรวมถึงการจำกัดไม่ให้รัสเซียเข้าถึงดอลลาร์สหรัฐ" ปธน.ไบเดนกล่าวในงานแถลงข่าวครบรอบ 1 ปีของการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ
ทั้งนี้ สหรัฐกังวลว่า ปธน.ปูตินอาจตัดสินใจบุกยูเครนเช่นเดียวกับที่ได้ใช้กำลังทหารผนวกคาบสมุทรไครเมียในปี 2557 โดยขณะนี้รัสเซียส่งกำลังทหารเกือบ 100,000 นายประชิดชายแดนยูเครน และอาจเพิ่มกำลังพลเป็น 2 เท่าในเร็วๆ นี้