สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเกือบ 3% ในวันอังคาร (25 ม.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า สถานการณ์ตึงเครียดระหว่างรัสเซียและบรรดาชาติพันธมิตรขององค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (นาโต) จะส่งผลกระทบต่ออุปทานน้ำมันในตลาดโลก
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 2.29 ดอลลาร์ หรือ 2.8% ปิดที่ 85.60 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 1.93 ดอลลาร์ หรือ 2.2% ปิดที่ 88.20 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นหลังมีสัญญาณบ่งชี้ว่า ความตึงเครียดระหว่างรัสเซียและชาติพันธมิตรนาโตเริ่มทวีความรุนแรงมากขึ้น โดยกองทัพสหรัฐได้สั่งการให้ทหารประมาณ 8,500 นายเตรียมพร้อมเคลื่อนกำลังพลไปยังยุโรปในเร็ว ๆ นี้หากจำเป็น เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับบรรดาพันธมิตรองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (นาโต) ที่เตรียมเผชิญหน้ากับกองทัพรัสเซียนับ 100,000 รายที่สั่งสมกำลังตามแนวชายแดนติดกับยูเครน
ทางด้านนายเจมส์ ฮีปปีย์ รัฐมนตรีกลาโหมอังกฤษเปิดเผยว่า รัสเซียได้ส่งบุคลากรจำนวนมากที่เกี่ยวข้องกับชุดจู่โจมล่วงหน้าทางทหารเข้าสู่ยูเครนแล้ว ก่อนที่จะทำการบุกโจมตีครั้งใหญ่ นอกจากนี้ รัฐบาลอังกฤษได้สั่งอพยพนักการทูตในสถานเอกอัครราชทูตอังกฤษประจำกรุงเคียฟพร้อมกับครอบครัว ขณะที่รัฐบาลสหรัฐ เยอรมนี และออสเตรเลียก็มีการออกคำสั่งดังกล่าวเช่นกัน
นอกจากนี้ ตลาดน้ำมันยังได้แรงหนุนจากสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลาง หลังจากกลุ่มกบฎฮูตีใช้โดรนและขีปนาวุธโจมตีแหล่งกักเก็บเชื้อเพลิงของบริษัทน้ำมันแห่งชาติอาบูดาบี (ADNOC) และพื้นที่ก่อสร้างใกล้ท่าอากาศยานนานาชาติอาบูดาบี ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิต 3 คน
นักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันประจำสัปดาห์จากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) ในวันนี้ เวลา 22.30 น.ตามเวลาไทย ขณะที่นักวิเคราะห์ในโพลสำรวจของเอสแอนด์พี โกลบอล แพลทส์คาดการณ์ว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐจะลดลง 2.1 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 21 ม.ค.