สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นติดต่อกัน 2 วันทำการในวันพุธ (26 ม.ค.) ขณะที่สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ทะยานขึ้นเหนือระดับ 90 ดอลลาร์ในระหว่างวัน ท่ามกลางความวิตกกังวลที่ว่า สถานการณ์ตึงเครียดในยูเครนและความขัดแย้งในตะวันออกกลางจะส่งผลกระทบต่ออุปทานน้ำมัน
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 1.75 ดอลลาร์ หรือ 2% ปิดที่ 87.35 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 1.76 ดอลลาร์ หรือ 2% ปิดที่ 89.96 ดอลลาร์/บาร์เรล
ในระหว่างวัน สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์พุ่งขึ้นทะลุ 90 ดอลลาร์/บาร์เรลเป็นครั้งแรกในรอบ 8 ปี เนื่องจากสถานการณ์ตึงเครียดในยูเครนยังคงเป็นปัจจัยหนุนตลาด โดยล่าสุดทำเนียบเครมลินออกแถลงการณ์เตือนว่า รัสเซียจะทำการตอบโต้อย่างรวดเร็ว หากสหรัฐและพันธมิตรปฏิเสธข้อเรียกร้องของรัสเซีย และยังคงดำเนินนโยบายที่แข็งกร้าว
ทั้งนี้ รัสเซียยื่นข้อเรียกร้องต่อสหรัฐและชาติตะวันตกเพื่อให้มีการรับประกันว่า องค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (นาโต) จะไม่รับยูเครนและประเทศซึ่งเคยอยู่ในอดีตสหภาพโซเวียตเข้าเป็นสมาชิก ขณะที่สหรัฐและพันธมิตรจะต้องถอนกำลังทหารออกจากกลุ่มประเทศอดีตสหภาพโซเวียต
นอกจากนี้ รัสเซียระบุว่าจะไม่ตัดทางเลือกในการเพิ่มกำลังทหารและยุทโธปกรณ์เข้าไปในคิวบาและเวเนซุเอลา หากข้อเรียกร้องของรัสเซียไม่ได้รับการตอบสนอง
ตลาดน้ำมันยังได้ปัจจัยหนุนจากการคาดการณ์ว่า กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส จะยังคงยึดมั่นตามข้อตกลงเดิมในการเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันเพียง 400,000 บาร์เรล/วันในการประชุมในวันที่ 2 ก.พ. เพื่อพิจารณานโยบายการผลิตสำหรับเดือนมี.ค.
นักวิเคราะห์จากโกลด์แมน แซคส์, มอร์แกน สแตนลีย์ และเจพีมอร์แกนต่างก็คาดการณ์ว่า ราคาน้ำมันจะพุ่งแตะ 100 ดอลลาร์/บาร์เรลในปีนี้ ท่ามกลางภาวะน้ำมันตึงตัว และอุปสงค์ที่แข็งแกร่งในตลาด