สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันพฤหัสบดี (27 ม.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีแนวโน้มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมี.ค. ขณะเดียวกันนักลงทุนยังคงจับตาสถานการณ์ตึงเครียดในยูเครน รวมทั้งการประชุมกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัสในวันที่ 2 ก.พ.นี้
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค. ลดลง 74 เซนต์ หรือ 0.9% ปิดที่ 86.61 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนมี.ค. ลดลง 62 เซนต์ หรือ 0.7% ปิดที่ 89.34 ดอลลาร์/บาร์เรล
ภาวะการซื้อขายในตลาดน้ำมันได้รับผลกระทบจากการแข็งค่าของดอลลาร์ โดยดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน พุ่งขึ้น 0.7% เมื่อคืนนี้ ซึ่งส่งผลให้สัญญาน้ำมันมีราคาแพงขึ้นและไม่น่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนที่ถือครองเงินสกุลอื่น
ฟิล ไฟน์ นักวิเคราะห์จากบริษัท The Price Futures Group กล่าวว่า แม้ตลาดน้ำมันได้รับปัจจัยบวกส่วนหนึ่งจากวิกฤตการณ์ในยูเครนและความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับชาติตะวันตก แต่ขณะนี้นักลงทุนเริ่มวิตกกังวลเกี่ยวกับต้นทุนการกู้ยืมที่สูงขึ้นหากเฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย นอกจากนี้ นักลงทุนยังมองว่าตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของสหรัฐที่ขยายตัวแข็งแกร่งเกินคาดในไตรมาส 4/2564 อาจเป็นแรงผลักดันให้เฟดเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วขึ้นอีก
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลข GDP ไตรมาส 4 ของสหรัฐขยายตัว 6.9% สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 5.5% โดยเศรษฐกิจสหรัฐได้รับแรงหนุนจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค รวมทั้งการที่ภาคธุรกิจเพิ่มเติมสต็อกสินค้าคงคลัง
เมื่อพิจารณาทั้งปี 2564 ตัวเลข GDP สหรัฐขยายตัว 5.7% ซึ่งเป็นตัวเลขสูงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2527 หลังจากที่หดตัว 3.4% ในปี 2563 ซึ่งเป็นการหดตัวรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2489 โดยได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19
สำหรับสถานการณ์ยูเครนล่าสุดนั้น ทำเนียบเครมลินแถลงวานนี้ว่า รัสเซียและสหรัฐยังคงมีช่องทางในการเจรจาต่อไป แม้ว่าข้อเรียกร้องด้านความมั่นคงของรัสเซียไม่ได้รับการตอบสนองจากทางสหรัฐ
ทั้งนี้ รัสเซียยื่นข้อเรียกร้องต่อสหรัฐและชาติตะวันตกเพื่อให้มีการรับประกันว่า องค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (นาโต) จะไม่รับยูเครนและประเทศซึ่งเคยอยู่ในอดีตสหภาพโซเวียตเข้าเป็นสมาชิก ขณะที่สหรัฐและพันธมิตรจะต้องถอนกำลังทหารออกจากกลุ่มประเทศอดีตสหภาพโซเวียต
นักลงทุนจับตาการประชุมของกลุ่มโอเปกพลัสในวันที่ 2 ก.พ. เพื่อพิจารณานโยบายการผลิตสำหรับเดือนมี.ค. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าโอเปกพลัสจะยังคงยึดมั่นตามข้อตกลงเดิมในการเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันเพียง 400,000 บาร์เรล/วันในการประชุมครั้งนี้ แม้ถูกกดดันจากสหรัฐและประเทศพันธมิตรที่ต้องการให้โอเปกพลัสเพิ่มการผลิตน้ำมันมากกว่านี้