สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดเพิ่มขึ้นในวันศุกร์ (28 ม.ค.) และปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งในรอบสัปดาห์นี้ โดยได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่าปริมาณน้ำมันจะตึงตัวในตลาดโลก
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 21 เซนต์ หรือ 0.24% ปิดที่ 86.82 ดอลลาร์/บาร์เรล และปรับตัวขึ้น 2% ในรอบสัปดาห์นี้
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 69 เซนต์ หรือ 0.77% ปิดที่ 90.03 ดอลลาร์/บาร์เรล และปรับตัวขึ้น 2.4% ในรอบสัปดาห์นี้
ทั้งสัญญาน้ำมันดิบ WTI และน้ำมันดิบเบรนท์ ปรับตัวขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 6 ติดต่อกันแล้ว
นายคาร์สเตน ฟริตช์ นักวิเคราะห์ด้านพลังงานของคอมเมิร์ซแบงก์ รีเสิร์ชเปิดเผยในวันศุกร์ว่า "ไม่มีเหตุผลใหม่ ๆ ที่จะอธิบายการพุ่งขึ้นครั้งใหม่ของราคาน้ำมันดิบ โดยตลาดยังคงมีความวิตกเกี่ยวกับปัญหาชะงักงันด้านอุปทาน หากวิกฤตยูเครนรุนแรงขึ้น"
ราคาน้ำมันดีดตัวขึ้นติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 6 แล้ว ซึ่งเป็นช่วงขาขึ้นที่ยาวนานที่สุดนับตั้งแต่เดือนต.ค. 2564 ขณะที่นักลงทุนคาดการณ์ว่า กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส จะยังคงยึดมั่นตามข้อตกลงเดิมในการประชุมสัปดาห์หน้า
ทั้งนี้ ตลาดคาดว่า โอเปกพลัสจะมีมติเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันเพียง 400,000 บาร์เรล/วันในการประชุมวันที่ 2 ก.พ. ขณะที่จะทำการพิจารณานโยบายการผลิตสำหรับเดือนมี.ค. แม้ถูกกดดันจากสหรัฐและประเทศพันธมิตรที่ต้องการให้โอเปกพลัสเพิ่มการผลิตน้ำมันมากกว่านี้
ก่อนหน้านี้ โอเปกพลัสมีมติในเดือนก.ค. 2564 ที่จะเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมัน 400,000 บาร์เรล/วันในแต่ละเดือนไปจนถึงเดือนเม.ย. 2565
โกลด์แมน แซคส์, มอร์แกน สแตนลีย์ และเจพีมอร์แกนคาดการณ์ว่า ราคาน้ำมันจะพุ่งแตะ 100 ดอลลาร์/บาร์เรลในปีนี้ ท่ามกลางภาวะตลาดน้ำมันตึงตัว และอุปสงค์ที่แข็งแกร่งในตลาด