ราคาน้ำมันดิบ WTI พุ่งขึ้นกว่า 1% ในช่วงเช้านี้ หลังมีรายงานว่า กลุ่มกบฏฮูตีในเยเมนได้ยิงขีปนาวุธข้ามพรมแดนเพื่อหวังโจมตีสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) อีกระลอก
ณ เวลา 07.10 น.ตามเวลาไทย สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนมี.ค. พุ่งขึ้น 94 เซนต์ หรือ 1.08% แตะที่ 87.76 ดอลลาร์/บาร์เรล
กลุ่มกบฏฮูตีในเยเมนได้ยิงขีปนาวุธข้ามพรมแดนเพื่อหวังโจมตี UAE ในช่วงเที่ยงคืนของวันอาทิตย์ (30 ม.ค.) โดยนับเป็นครั้งที่ 3 ภายในเวลาไม่ถึง 2 สัปดาห์ที่กลุ่มกบฎฮูตีก่อเหตุโจมตี UAE ซึ่งเป็นหนึ่งในแนวร่วมสำคัญของกองกำลังพันธมิตรภายใต้การนำของซาอุดีอาระเบีย ขณะที่กลุ่มกบฎฮูตีได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลอิหร่านซึ่งเป็นคู่ปรับของซาอุดีอาระเบีย
อย่างไรก็ดี กระทรวงกลาโหมของ UAE ยืนยันว่า กองทัพของ UAE สามารถยิงสกัดขีปนาวุธดังกล่าวได้สำเร็จ และเศษซากของขีปนาวุธที่ถูกยิงทำลายนั้นได้ตกลงในพื้นที่ที่ไม่มีคนอยู่อาศัย
กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐได้เพิ่มคำเตือนให้ระวังอันตรายจากการโจมตีด้วยขีปนาวุธหรือโดรนในการเดินทางไปยัง UAE โดยแถลงการณ์ระบุว่า "การโจมตีดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อพลเมืองและผลประโยชน์ของสหรัฐในอ่าวอาหรับ โดยกลุ่มกบฏที่ปฏิบัติการอยู่ในเยเมนได้แสดงความต้องการที่จะโจมตีประเทศเพื่อนบ้าน รวมถึง UAE โดยใช้ขีปนาวุธและโดรน ซึ่งการโจมตีที่ผ่านมานั้นมีเป้าหมายไปยังพื้นที่ซึ่งมีประชากรหนาแน่นและสาธารณูปโภคพื้นฐานของพลเรือน"