สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นทะลุระดับ 90 ดอลลาร์เป็นครั้งแรกในรอบกว่า 7 ปีในวันพฤหัสบดี (3 ก.พ.) โดยได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า สภาพอากาศที่หนาวเย็นจัดทั่วสหรัฐอาจส่งผลกระทบต่อการผลิตน้ำมันและทำให้ความต้องการใช้เชื้อเพลิงปรับตัวเพิ่มขึ้นด้วย นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยบวกจากการที่กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส มีมติยึดมั่นตามข้อตกลงเดิมในการประชุมครั้งล่าสุด
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 2.01 ดอลลาร์ หรือ 2.3% ปิดที่ 90.72 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 6 ต.ค. 2557
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 1.64 ดอลลาร์ หรือ 1.8% ปิดที่ 91.11 oดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่เดือนต.ค. 2557
ฟิล ไฟน์ นักวิเคราะห์จากบริษัท The Price Futures Group กล่าวว่า สภาพอากาศหนาวเย็นอันเนื่องมาจากพายุฤดูหนาวในสหรัฐมีแนวโน้มที่จะส่งผลกระทบต่อการผลิตน้ำมัน และอาจทำให้โรงกลั่นน้ำมันหลายแห่งต้องปิดทำการ นอกจากนี้ อากาศที่หนาวเย็นจัดยังส่งผลให้ความต้องการใช้เชื้อเพลิงเพิ่มขึ้นด้วย
ตลาดน้ำมันยังคงได้รับปัจจัยบวกจากการที่โอเปกพลัสมีมติเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันเพียง 400,000 บาร์เรล/วันสำหรับเดือนมี.ค. แม้ถูกกดดันจากสหรัฐและประเทศพันธมิตรที่ต้องการให้โอเปกพลัสเพิ่มการผลิตน้ำมันมากกว่านี้เพื่อสกัดราคาน้ำมันที่พุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 7 ปี
นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากรายงานของสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ซึ่งระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลง 1 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1.1 ล้านบาร์เรล
นักลงทุนจับตาสถานการณ์ยูเครนอย่างใกล้ชิด โดยล่าสุดประธานาธิบดีวอลอดีเมอร์ เซอเลนสกี ผู้นำยูเครนเตือนว่า การสู้รบกับรัสเซียซึ่งตรึงกำลังทหารกว่า 100,000 นายตามแนวชายแดนนั้น อาจจะลุกลามจนกลายเป็นสงครามเต็มอัตราศึก และจะส่งผลกระทบต่อทั้งทวีปยุโรป