สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นต่อเนื่องในวันศุกร์ (4 ก.พ.) และปิดตลาดที่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย. 2557 เนื่องจากพายุฤดูหนาวที่รุนแรงในสหรัฐทำให้เกิดความวิตกด้านอุปทานน้ำมัน
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 2.04 ดอลลาร์ หรือ 2.3% ปิดที่ 92.31 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 29 ก.ย. 2557 และเพิ่มขึ้น 6.3% ในรอบสัปดาห์นี้
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 2.16 ดอลลาร์ หรือ 2.4% ปิดที่ 93.27 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 2 ต.ค. 2557 และเพิ่มขึ้น 5.4% ในรอบสัปดาห์นี้
คาร์สเทน ฟริทช์ นักวิเคราะห์ด้านสินค้าโภคภัณฑ์ของคอมเมิร์ซแบงก์ระบุว่า "การปรับตัวขึ้นล่าสุดของราคาน้ำมันเป็นผลมาจากสภาพอากาศที่หนาวเย็นในรัฐเท็กซัส ซึ่งทำให้เกิดความวิตกเกี่ยวกับการระงับการผลิตน้ำมันในเขตลุ่มน้ำเพอร์เมียนซึ่งเป็นแหล่งผลิตน้ำมันจากหินดินดานใหญ่ที่สุดในสหรัฐ โดยเมื่อปีที่แล้ว สภาพอากาศที่หนาวจัดทำให้การผลิตน้ำมันชะงักงันครั้งใหญ่ในแหล่งดังกล่าว"
อาคารบ้านเรือนและธุรกิจประมาณ 350,000 หลังในรัฐต่าง ๆ เช่น เทนเนสซี, อาร์คันซอ และเท็กซัส ไม่มีไฟฟ้าใช้ในวันศุกร์ อันเนื่องมาจากพายุฤดูหนาวที่ทำให้เกิดฝนและหิมะตก และคาดว่าจะมีฝนตกหนักและหิมะเพิ่มขึ้นในภาคตะวันออกของสหรัฐ
นอกจากนี้ ตลาดน้ำมันยังได้แรงหนุนจากปัจจัยเสี่ยงอื่น ๆ ที่อาจจะส่งผลกระทบต่อปริมาณน้ำมัน อาทิ วิกฤตรัสเซีย-ยูเครน และการจำกัดการผลิตของกลุ่มโอเปกพลัส
เมื่อวันพุธ (2 ก.พ.) กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส ยังคงมีมติยึดมั่นตามข้อตกลงเดิมในการเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันเพียง 400,000 บาร์เรล/วันในเดือนมี.ค. แม้ถูกกดดันจากสหรัฐและประเทศพันธมิตรที่ต้องการให้โอเปกพลัสเพิ่มการผลิตน้ำมันมากกว่านี้เพื่อสกัดราคาน้ำมันที่พุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 7 ปี