สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 2% ในวันอังคาร (8 ก.พ.) โดยตลาดถูกกดดันจากความกังวลที่ว่า ความคืบหน้าในการเจรจาข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่าน อาจปูทางให้อิหร่านกลับมาส่งออกน้ำมันสู่ตลาดโลก
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค. ลดลง 1.96 ดอลลาร์ หรือ 2.1% ปิดที่ 89.36 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนเม.ย. ลดลง 1.91 ดอลลาร์ หรือ 2.1% ปิดที่ 90.78 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ร่วงหลุดจากระดับ 90 ดอลลาร์เมื่อคืนนี้ หลังมีรายงานว่าชาติมหาอำนาจและอิหร่านได้กลับมาเจรจาข้อตกลงนิวเคลียร์เมื่อวานนี้ที่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย หลังจากที่ได้พักการเจรจาเป็นเวลา 10 วัน
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า สหรัฐได้เข้าร่วมการเจรจาดังกล่าวทางอ้อม ซึ่งที่ผ่านมา สหรัฐได้ผ่อนคลายมาตรการคว่ำบาตรบางส่วนต่ออิหร่านแล้ว แต่อิหร่านเรียกร้องให้สหรัฐยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรทั้งหมด และให้การรับประกันว่าจะไม่มีการใช้มาตรการลงโทษอิหร่านต่อไปในอนาคต
ทั้งนี้ ความคืบหน้าในการเจรจาข้อตกลงนิวเคลียร์อาจส่งผลให้อิหร่านกลับมาส่งออกน้ำมันในตลาดโลกได้กว่า 1 ล้านบาร์เรล/วัน ซึ่งจะทำให้อุปทานน้ำมันในตลาดโลกเพิ่มขึ้นราว 1% และสร้างแรงกดดันต่อราคาน้ำมัน
หลุยส์ ดิคสัน นักวิเคราะห์จากบริษัท Rystad Energy แสดงความเห็นว่า รัฐบาลสหรัฐกำลังพยายามสกัดการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันด้วยการเร่งเจรจาข้อตกลงนิวเคลียร์รอบใหม่กับอิหร่าน พร้อมกับคาดการณ์ว่าหากข้อตกลงดังกล่าวมีความคืบหน้าก็จะส่งผลให้อิหร่านสามารถผลิตและส่งออกน้ำมันดิบเข้าสู่ตลาดโลกในปริมาณมากภายในเวลา 4-6 เดือน หรืออาจจะเร็วกว่านั้น
นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบของสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ในวันนี้ โดยนักวิเคราะห์คาดว่าสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐจะเพิ่มขึ้น 700,000 บาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว