สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นในวันศุกร์ (11 ก.พ.) หลังจากเจ้าหน้าที่สหรัฐแสดงความเห็นว่ารัสเซียใกล้ที่จะบุกโจมตียูเครน ซึ่งอาจนำไปสู่การคว่ำบาตรการส่งออกน้ำมันและก๊าซของรัสเซีย ซึ่งจะทำให้ปริมาณน้ำมันลดลง และราคาพุ่งขึ้น
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค. พุ่งขึ้น 3.22 ดอลลาร์ หรือ 3.6% ปิดที่ 93.10 ดอลลาร์/บาร์เรล และปรับตัวขึ้น 0.9% ในรอบสัปดาห์นี้
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนเม.ย. พุ่งขึ้น 3.03 ดอลลาร์ หรือ 3.3% ปิดที่ 94.44 ดอลลาร์/บาร์เรล และปรับตัวขึ้น 1.3% ในรอบสัปดาห์นี้
ตลาดน้ำมันทะยานขึ้น เนื่องจากเทรดเดอร์มีความวิตกเพิ่มขึ้นเกี่ยวกับความตึงเครียดระหว่างรัสเซียและยูเครน
ขณะที่ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนระหว่างรัสเซียและยูเครนเพิ่มขึ้นนั้น ก็ยังคงมีความพยายามทางการทูตโดยมีเป้าหมายที่จะยุติความตึงเครียดด้วยสันติวิธี
นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังได้แรงหนุน หลังสำนักงานพลังงานสากล (IEA) ระบุว่า ตลาดน้ำมันอยู่ในภาวะตึงตัว หลังเตือนว่าการผลิตน้ำมันของโอเปกพลัสอยู่ห่างจากระดับเป้าหมายมากขึ้นในเดือนม.ค.
บรรดานักวิเคราะห์คาดว่า ราคาน้ำมันอาจพุ่งขึ้นเหนือระดับ 100 ดอลลาร์ โดยมีความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนเป็นแรงกระตุ้น และในระยะใกล้นั้น การเปลี่ยนแปลงคาดการณ์เกี่ยวกับแนวโน้มที่รัสเซียจะบุกโจมตียูเครนนั้น อาจทำให้ราคาน้ำมันปรับตัวผันผวน
"คาดว่าการขาดแคลนน้ำมันจะรุนแรงขึ้น เนื่องจากสมาชิกโอเปกพลัสบางรายถูกจำกัดด้านการผลิต ซึ่งจะทำให้ตลาดน้ำมันตึงตัวมากขึ้น" IEA ระบุในรายงานประจำเดือนที่เปิดเผยในวันศุกร์