สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 7 ปีในวันจันทร์ (14 ก.พ.) ท่ามกลางความกังวลที่ว่าสหรัฐและชาติตะวันตกอาจคว่ำบาตรรัสเซีย หากรัสเซียตัดสินใจบุกโจมตียูเครน ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อการส่งออกน้ำมันจากรัสเซีย
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค. พุ่งขึ้น 2.36 ดอลลาร์ หรือ 2.5% ปิดที่ 95.46 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 3 ก.ย. 2557
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนเม.ย. พุ่งขึ้น 2.04 ดอลลาร์ หรือ 2.2% ปิดที่ 96.48 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 29 ก.ย. 2557
จอห์น คิลดัฟฟ์ นักวิเคราะห์จากบริษัท Again Capital กล่าวว่า ตลาดน้ำมันยังคงอ่อนไหวอย่างมากต่อสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างรัสเซียและยูเครน เนื่องจากรัสเซียเป็นหนึ่งในผู้ผลิตน้ำมันและก๊าซรายใหญ่ของโลก โดยความกังวลที่ว่ารัสเซียอาจถูกชาติตะวันตกคว่ำบาตรหากตัดสินในบุกโจมตียูเครน ได้ผลักดันให้ราคาน้ำมัน WTI พุ่งขึ้นใกล้แตะระดับ 100 ดอลลาร์/บาร์เรล
สำหรับสถานการณ์ล่าสุดนั้น นายแอนโทนี บลิงเกน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐได้สั่งย้ายสถานทูตอเมริกันในกรุงเคียฟไปยังเมืองลวิว ซึ่งอยู่ทางตะวันตกของยูเครน เนื่องจากสถานการณ์ในพื้นที่ชายแดนยูเครนมีความตึงเครียดอย่างมาก
ทางด้านนายเจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐ เตือนให้ชาวอเมริกันออกจากประเทศยูเครนทันที พร้อมกับคาดการณ์ถึงเหตุร้ายที่อาจเกิดขึ้นหากรัสเซียตัดสินใจบุกยูเครน
"หากรัสเซียนำกำลังทหารบุกยูเครน ก็คาดว่ารัสเซียจะเริ่มระดมยิงมิสไซล์และโจมตีด้วยระเบิดจำนวนมาก จากนั้นกองกำลังภาคพื้นดินจะบุกเข้าโจมตีตามแนวชายแดนยูเครน ซึ่งจะทำให้พลเรือนจำนวนมากตกอยู่ท่ามกลางดงกระสุน" นายซัลลิแวนกล่าวกล่าวให้สัมภาษณ์ในรายการ State of the Union ของสถานีโทรทัศน์ซีเอ็นเอ็นเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (13 ก.พ.)
นักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันประจำสัปดาห์ของสหรัฐ โดยสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) มีกำหนดเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวในวันพุธนี้ เวลา 22.30 น.ตามเวลาไทย