สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นในวันอังคาร (22 ก.พ.) โดยได้แรงหนุนจากสถานการณ์ตึงเครียดในยูเครน รวมทั้งการคาดการณ์ที่ว่า มาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐและชาติตะวันตกที่บังคับใช้ต่อรัสเซียนั้น จะส่งผลกระทบต่อการส่งออกน้ำมันจากรัสเซีย
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 1.28 ดอลลาร์ หรือ 1.4% ปิดที่ 92.35 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 1.45 ดอลลาร์ หรือ 1.5% ปิดที่ 96.84 ดอลลาร์/บาร์เรล
นักลงทุนวิตกว่ามาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐและชาติตะวันตกต่อรัสเซียท่ามกลางความขัดแย้งในกรณียูเครน จะส่งผลกระทบต่อการส่งออกน้ำมันจากรัสเซีย
นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีของอังกฤษ ประกาศคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจต่อรัสเซีย หลังประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ให้การรับรองเอกราชแก่แคว้นโดเนตสก์และลูฮันสก์ ซึ่งตั้งอยู่ในภูมิภาคดอนบาสของยูเครน และส่งกำลังทหารเข้าไปยัง 2 แคว้นดังกล่าวซึ่งฝักใฝ่รัสเซีย
ทั้งนี้ นายจอห์นสันประกาศคว่ำบาตรธนาคารรัสเซีย 5 แห่ง รวมทั้งชาวรัสเซีย 3 คน เพื่อตอบโต้มาตรการทางทหารของรัสเซียดังกล่าว
ทางด้านประธานาธิบดีโจ ไบเดนแห่งสหรัฐประกาศมาตรคว่ำบาตรธนาคาร VEB ซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่ของรัสเซีย และคว่ำบาตรธนาคาร PSB ซึ่งเป็นธนาคารของกองทัพรัสเซีย โดยมาตรการดังกล่าวจะส่งผลให้ธนาคารทั้งสองแห่งไม่สามารถทำธุรกรรมในรูปสกุลเงินดอลลาร์ได้
นอกจากนี้ นายโอลาฟ โชลซ์ นายกรัฐมนตรีเยอรมนี ประกาศระงับการอนุมัติท่อส่งก๊าซธรรมชาติ Nord Stream 2 เมื่อวานนี้ เพื่อเป็นการตอบโต้รัสเซียที่ให้การรับรองเอกราชแก่แคว้นโดเนตสก์และลูฮันสก์ โดยนายโชลซ์กล่าวว่า เยอรมนีไม่สามารถให้การยอมรับ 2 แคว้นดังกล่าว
นักลงทุนจับตาความคืบหน้าในการเจรจาข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่าน ซึ่งอาจปูทางให้อิหร่านกลับมาส่งออกน้ำมันสู่ตลาดโลก
ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ของสหรัฐ โดยสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) มีกำหนดเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวในวันพฤหัสบดี