สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลดลงในวันศุกร์ (25 ก.พ.) เนื่องจากนักลงทุนขายทำกำไรหลังราคาพุ่งขึ้นอย่างมากในวันพฤหัสบดี ขณะที่นักลงทุนยังคงจับตาสถานการณ์รัสเซียบุกโจมตียูเครน รวมถึงรายงานข่าวที่ว่า รัสเซียพร้อมที่จะเจรจากับยูเครน ซึ่งส่งผลกดดันราคาน้ำมัน
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย. ลดลง 1.22 ดอลลาร์ หรือ 1.3% ปิดที่ 91.59 ดอลลาร์/บาร์เรล แต่ปรับตัวขึ้น 1.5% ในรอบสัปดาห์นี้ สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนเม.ย. ลดลง 1.15 ดอลลาร์ หรือ 1.2% ปิดที่ 97.93 ดอลลาร์/บาร์เรล แต่พุ่งขึ้น 4.7% ในรอบสัปดาห์นี้
ราคาน้ำมันถูกกดดันจากการที่เจ้าหน้าที่สหรัฐยืนยันว่า สหรัฐจะไม่คว่ำบาตรการส่งออกน้ำมันจากรัสเซียท่ามกลางวิกฤตยูเครน
ตลาดน้ำมันปรับตัวลงหลังจากมีรายงานข่าวว่า กระทรวงการต่างประเทศของจีนได้เปิดเผยว่า ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินแห่งรัสเซียได้บอกกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีนทางโทรศัพท์ว่า รัสเซียเต็มใจที่จะจัดการเจรจาระดับสูงกับยูเครน
นายดมิทรี เพสคอฟ โฆษกทำเนียบเครมลินกล่าวว่า รัสเซียพร้อมส่งตัวแทนไปยังกรุงมินสก์ ซึ่งเป็นเมืองหลวงของเบลารุส เพื่อเจรจากับทางการยูเครน
นอกเหนือจากสถานการณ์ในยูเครนแล้วนั้น นักลงทุนจะจับตาความคืบหน้าในการเจรจาข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่าน ซึ่งอาจปูทางให้อิหร่านกลับมาส่งออกน้ำมันสู่ตลาดโลก
นอกจากนี้ ตลาดจะรอดูผลการประชุมของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส ในวันที่ 2 มี.ค.ที่จะกำหนดนโยบายการผลิตสำหรับเดือนเม.ย.
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า โอเปกพลัสจะมีมติยึดมั่นตามข้อตกลงเดิมในการประชุมสัปดาห์หน้า โดยจะเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันเพียง 400,000 บาร์เรล/วันสำหรับเดือนเม.ย. โดยก่อนหน้านี้ โอเปกพลัสมีมติในเดือนก.ค. 2564 ให้เพิ่มกำลังการผลิตน้ำมัน 400,000 บาร์เรล/วันในแต่ละเดือน จนถึงเดือนเม.ย. 2565