สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นทะลุ 100 ดอลลาร์ในวันอังคาร (1 มี.ค.) เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าการที่รัสเซียใช้ปฏิบัติการทางทหารบุกโจมตียูเครนจะส่งผลกระทบต่ออุปทานน้ำมัน นอกจากนี้ นักลงทุนยังมองว่าการที่สำนักงานพลังงานสากล (IEA) มีมติระบายน้ำมันออกจากคลังสำรองจำนวน 60 ล้านบาร์เรลนั้น เป็นการตอกย้ำว่าอุปทานน้ำมันโลกมีไม่เพียงพอที่จะรับมือกับภาวะชะงักงันในขณะนี้
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย. พุ่งขึ้น 7.69 ดอลลาร์ หรือ 8% ปิดที่ 103.41 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 22 ก.ค. 2557 และเป็นการพุ่งขึ้นเป็นเปอร์เซ็นต์ในวันเดียวที่มากที่สุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย. 2563
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนพ.ค. พุ่งขึ้น 7 ดอลลาร์ หรือ 7.2% ปิดที่ 104.97 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 8 ส.ค. 2557
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ทะยานขึ้นปิดเหนือระดับ 100 ดอลลาร์/บาร์เรล ท่ามกลางความวิตกกังวลว่า การที่รัสเซียโจมตียูเครน และการที่ชาติมหาอำนาจประกาศคว่ำบาตรรัสเซียอันเนื่องมาจากการกระทำดังกล่าวนั้น จะส่งผลกระทบต่อภาวะอุปทานน้ำมัน
ทั้งนี้ แคนาดาประกาศระงับการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซีย ส่วนสหรัฐและชาติตะวันตกประกาศตัดธนาคารรัสเซียบางแห่งออกจากระบบ SWIFT ขณะเดียวกันสหรัฐได้ประกาศอายัดทรัพย์สินของธนาคารกลางรัสเซียในสหรัฐ และห้ามชาวอเมริกันทำธุรกรรมกับธนาคารกลางรัสเซีย
นอกจากภาครัฐแล้ว บริษัทพลังงานเอกชนหลายแห่งยังได้คว่ำบาตรรัสเซียเช่นกัน ซึ่งรวมถึงบริษัทบีพีและเชลล์ซึ่งประกาศว่าจะถอนตัวออกจากการดำเนินงานในรัสเซีย ขณะที่บริษัทโททาล เอนเนอร์จีส์ ประกาศว่าจะไม่ลงทุนเพิ่มในรัสเซีย
บริษัท Nord Stream 2 AG ซึ่งเป็นผู้ดำเนินการท่อส่งก๊าซ Nord Stream 2 ที่สามารถจัดส่งก๊าซธรรมชาติจากรัสเซียไปยังเยอรมนี เตรียมยื่นล้มละลาย หลังจากถูกสหรัฐคว่ำบาตรก่อนหน้านี้ นอกจากนี้ ทางบริษัทได้ประกาศยุติสัญญาว่าจ้างพนักงาน โดยระบุสาเหตุจากการถูกสหรัฐคว่ำบาตร
ทางด้าน IEA มีมติระบายน้ำมันจำนวน 60 ล้านบาร์เรลออกจากคลังสำรองเพื่อสกัดราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้นในตลาด อย่างไรก็ดี นักลงทุนมองว่า การดำเนินการดังกล่าวของ IEA ถือเป็นการตอกย้ำว่า อุปทานน้ำมันในตลาดโลกมีไม่เพียงพอที่จะรับมือกับภาวะชะงักงันที่เกิดขึ้นเนื่องจากสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างรัสเซียและยูเครนในขณะนี้
นักลงทุนจับตาการประชุมของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส ในวันนี้ (2 มี.ค.) เพื่อกำหนดนโยบายการผลิตสำหรับเดือนเม.ย. ขณะที่แหล่งข่าวคาดการณ์ว่าโอเปกพลัสจะมีมติยึดมั่นตามข้อตกลงเดิมในการประชุมครั้งนี้ โดยจะเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันเพียง 400,000 บาร์เรล/วันสำหรับเดือนเม.ย.
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ของสหรัฐ โดยสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) มีกำหนดเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวในวันนี้