สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นทะลุระดับ 110 ดอลลาร์ในวันพุธ (2 มี.ค.) โดยสัญญาน้ำมันดิบทะยานขึ้นติดต่อกันเป็นวันที่ 3 ท่ามกลางความกังวลที่ว่าอุปทานน้ำมันในตลาดโลกจะได้รับผลกระทบจากการที่นานาประเทศคว่ำบาตรรัสเซีย และบริษัทพลังงานหลายแห่งพากันระงับการลงทุนในรัสเซียเพื่อตอบโต้การใช้กำลังทหารบุกโจมตียูเครน
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย. พุ่งขึ้น 7.19 ดอลลาร์ หรือ 7% ปิดที่ 110.60 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค. 2554
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนพ.ค. พุ่งขึ้น 7.96 ดอลลาร์ หรือ 7.6% ปิดที่ 112.93 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย. 2557
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า แม้มาตรการคว่ำบาตรของนานาประเทศยังไม่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อภาคพลังงานของรัสเซียในขณะนี้ แต่ก็บั่นทอนศักยภาพในการส่งออกของรัสเซีย โดยปริมาณการส่งออกน้ำมันของรัสเซียมีสัดส่วนราว 8% ของอุปทานน้ำมันทั่วโลก หรือประมาณ 4-5 ล้านบาร์เรล/วัน ซึ่งมากกว่าประเทศอื่นๆในกลุ่มผู้ผลิตน้ำมันยกเว้นซาอุดีอาระเบีย
นักลงทุนยังคงจับตาสถานการณ์ในยูเครนอย่างใกล้ชิด โดยล่าสุดสมัชชาใหญ่แห่งองค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) มีมติเรียกร้องให้รัสเซียถอนกำลังทหารออกจากยูเครนโดยทันที ซึ่งมติดังกล่าวได้รับการสนับสนุนจากสมาชิก 141 ประเทศ จากทั้งหมด 193 ประเทศ
ตลาดน้ำมันยังได้รับแรงหนุนจากการที่กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส มีมติยึดมั่นตามข้อตกลงเดิม โดยจะเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันเพียง 400,000 บาร์เรล/วันสำหรับเดือนเม.ย.
นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยบวกจากรายงานของสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ซึ่งระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลง 2.6 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 2.3 ล้านบาร์เรล