สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 12% ในวันพุธ (9 มี.ค.) หลังจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) ประกาศสนับสนุนการผลิตน้ำมันเข้าสู่ตลาดเพิ่มขึ้น เพื่อบรรเทาภาวะอุปทานขาดแคลนอันเนื่องมาจากรัสเซียถูกนานาประเทศคว่ำบาตร ฐานใช้กำลังทหารรุกรานยูเครน
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย. ลดลง 15 ดอลลาร์ หรือ 12.1% ปิดที่ 108.70 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนพ.ค. ลดลง 16.84 ดอลลาร์ หรือ 13.2% ปิดที่ 111.14 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบร่วงลง หลังจากนายยูซุฟ อัล โอไทบา เอกอัคราชทูต UAE ประจำสหรัฐกล่าวว่า UAE สนับสนุนการผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้น และให้คำมั่นว่าจะผลักดันให้สมาชิกกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) พิจารณาเพิ่มการผลิตน้ำมัน เพื่อคลี่คลายปัญหาด้านอุปทานหลังจากที่นานาประเทศประกาศคว่ำบาตรรัสเซีย
ทางด้านนางเจนนิเฟอร์ แกรนโฮล์ม รัฐมนตรีกระทรวงพลังงานสหรัฐได้ออกมาเรียกร้องให้ประเทศผู้ผลิตน้ำมันทั่วโลกเร่งเพิ่มการผลิต โดยกล่าวว่า "วิกฤตการณ์พลังงานในขณะนี้เกิดขึ้นจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน และในยามวิกฤตเช่นนี้จำเป็นต้องผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้นเพื่อรองรับความต้องการที่สูงขึ้น"
สัญญาน้ำมันยังร่วงลงหลังจากสำนักงานพลังงานสากล (IEA) ประกาศความพร้อมที่จะระบายน้ำมันมากขึ้นอีกหากมีความจำเป็น นอกเหนือไปจากจำนวน 60 ล้านบาร์เรลที่ระบุไว้ก่อนหน้านี้ เพื่อสกัดราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้นในขณะนี้
นอกจากนี้ ตลาดน้ำมันยังถูกกดดันหลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลง 1.9 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงเพียง 700,000 บาร์เรล